พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะครูโรงเรียนราษฎร์ทั่วราชอาณาจักร ณ ศาลาผกาภิรมย์ พุทธศักราช 2513



"เป็นที่น่ายินดีที่ทางสมาคมครูโรงเรียนราษฎร์ได้จัดประชุมสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางวิชาการระหว่างครูผู้ปฏิบัติหน้าที่ทั่วราชอาณาจักร เชื่อว่าการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นและเพื่อเรียนรู้วิชาการใหม่ๆ เพื่อให้ทันแก่สมัย จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะว่าอาชีพครูนี้ ถ้าครูมีความรู้ความสามารถดี ย่อมทำให้ผู้ที่เป็นลูกศิษย์ได้รับถ่ายทอดความรู้ยิ่งขึ้น ในการประชุมก็ขอให้คิดถึงข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งที่กล่าวเมื่อสักครู่นี้ว่า ครูต้องปรับปรุงวิชาการให้ทันสมัยนั้นก็เป็นสิ่งที่ชอบแล้วเพราะว่าโลกต้องก้าวหน้าวิชาการต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่เมื่อกี้ก็ได้กล่าวว่า ต้องให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม ข้อนี้ก็เป็นอีกข้อที่สำคัญยิ่ง เพราะว่าสังคมมีความเปล...ี่ยนแปลงอยู่เสมอตามสภาพของโลก ตามสภาพของความก้าวหน้าในทางวิชาการและวัตถุ ก็การเปลี่ยนแปลงทางสังคมนี้ จะเรียกว่าการเปลี่ยนแปลงในทางพัฒนาหรือในทางหายนะก็ไม่ทราบ ถ้าเปลี่ยนแปลงในทางพัฒนา เราก็สมควรที่จะนำมาพิจารณาและนำไปสอนแก่อนุชน ถ้าเห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในทางหายนะ ในทางเสื่อม เราก็จะต้องพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะให้ความหายนะนั้นไม่ถึงเยาวชน แต่ความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่สังเกตได้ชัดในระยะหลังนี้คือ “จิตใจ” ที่ว่าทุกคนมีเสรีภาพ ทุกคนมีเสรีภาพนั้นเป็นการดี แต่โดยมากมักไปใช้เสรีภาพในทางที่ไม่สู้จะเหมาะสม แล้วก็เกิดเรื่อง เช่นมีเยาวชนใช้เสรีภาพที่จะไปบั่นทอนเสรีภาพของผู้อื่นหรือสิทธิของผู้อื่น ใช้เสรีภาพเช่นนี้เป็นการที่ไม่เหมาะสม จึงต้องสอนให้ทราบว่า เสรีภาพของคนอยู่ในขอบเขตของเสรีภาพของผู้อื่น วิธีที่จะสอนข้อนี้ ครูจะต้องพูดและจะต้องให้โอวาท จะต้องดูบ้างว่าวิธีที่จะสอนถึงขอบเขตของเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งที่ลำบาก เพราะว่าสังคมเดี๋ยวนี้นิยมเสรีภาพ นี่เอง จึงเลยทำให้วิธีการที่จะสอนวิธีการที่จะถ่ายทอดความรู้ยากขึ้น น่าเห็นใจครูทั้งหลายที่ต้องหาอุบายและต้องหาวิธีที่จะปฏิบัติ เคยไปกล่าวที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาครั้งหนึ่งว่า ครูนั้นจะต้องเป็นที่เคารพของลูกศิษย์ และครูควรจะสอนลูกศิษย์ สอนนักเรียน ไม่ใช่คอยให้นักเรียนสอนครู แล้วก็ข้อที่สองว่า นักเรียนจะต้องน้อมรับความรู้ รับคำสั่งสอนด้วยความเคารพ คำกล่าวนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปบ้างเหมือนกัน เพราะว่าตามความคิดสมัยใหม่ดังที่กล่าวไว้ว่าทุกคนมีเสรีภาพ รวมทั้งเยาวชนมีเสรีภาพที่จะปาหัวครูด้วย ก็ลำบาก เพราะว่ามีความคิดที่มาจากต่างประเทศส่วนมากว่าลูกศิษย์ไม่จำเป็นต้องนับถือครู เพราะว่าผู้ใหญ่เรียนรู้มาจากปฏิกิริยาต่างๆ ของเด็ก จากตัวเด็กเอง ที่พูดที่วิทยาลัยวิชาการศึกษานั้นไม่ได้หมายความว่า ครูไม่ควรที่จะเรียนรู้จากเด็ก ครูควรจะรู้ ควรจะสังเกตและค้นคว้าวิจัยว่าเด็กเป็นอย่างไร และจะช่วยเด็กให้เป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร ซึ่งนับว่าได้เรียนรู้จากเด็กแน่ เด็กควรจะมีความเคารพครู แต่ก็จริงอย่างที่เขาว่า ไม่ควรจะรับความรู้อย่างหลับหูหลับตา อันนี้ก็เป็นความจริง แต่ว่าหลักใหญ่คือครูต้องสอนเด็ก ไม่ใช่เด็กสอนผู้ใหญ่ เพราะว่าครูนับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ ได้ประสบชีวิตมามากกว่า ได้ค้นคว้ามามากกว่า จึงควรจะเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เด็กซึ่งผ่านชีวิตน้อยกว่าและมีความรู้น้อยกว่า แต่หลักนี้น่ะถูกทำลาย เพราะว่าเราถูกอิทธิพลของความคิดที่เรียกว่าสมัยใหม่ เลยทำให้อยากให้ผู้น้อยและเด็กปฏิวัติผู้ใหญ่เราจะต่อต้านความคิดนี้ได้อย่างไร ฝ่ายครูจะต่อต้านได้ด้วยการต่อต้านตนเองก่อน คือหมายถึงว่า ครูจะต้องตั้งตัวในความดีอยู่ตลอดเวลา แม้จะเหน็ดเหนื่อยเท่าไรก็จะต้องอดทนเพื่อพิสูจน์ว่าครูนี้เป็นที่เคารพสักการะได้ ดังที่โบราณว่าจะต้องเคารพครูต่อจากบิดามารดา ครูนี้เป็นบุคคลที่ต้องบูชา แต่ถ้าครูไม่ตั้งตัวในศีลธรรม ถ้าครูไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เด็กจะเคารพได้อย่างไร และถ้าครูบางคนทำตัวเป็นเด็ก เป็นผู้ที่ไม่น่าเคารพ แม้แต่คนเดียวทำคณะครูเป็นหมื่นๆ คนก็เสื่อมเสียเพราะว่าความเสื่อมเสียเมื่อเกิดเป็นตัวอย่าง แม้จะเป็นตัวอย่างอันเดียว ก็อื้อฉาวมากและเป็นที่เสื่อมเสียต่อส่วนรวม ความดีนั้นมองเห็นยาก คนทำดีมีมากมาย แต่บางทีก็ไม่ค่อยมีคนเห็น เพราะความดีเขาถือว่าเป็นของธรรมดา ครูดีจึงเป็นของธรรมดาไปเราจึงไม่ยกย่อง แต่ว่าในใจนั้นก็ควรจะรู้ว่าความดีเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง ความเลวเป็นสิ่งที่อื้อฉาว ความเลวเป็นสิ่งที่เขาลงหนังสือพิมพ์กันได้ เอะอะกันได้ สนุกครึกครื้นกันได้ จึงว่าครูแต่ละคน เมื่อมีปณิธานที่จะเป็นครู จะต้องพยายามที่จะวางตัวเป็นครูให้สมบูรณ์ คือเป็นที่เคารพนับถือบูชากราบไหว้ได้ ถ้าทำเช่นนั้นฐานะของครูเองก็จะดีขึ้น เพราะว่าเป็นการต่อต้านความคิดที่เรียกว่าสมัยใหม่ที่ว่าครูเป็นคนเหมือนกัน รับจ้างมาสอน ถ้าเรารักษาความศักดิ์สิทธิ์ของครูได้ ให้เป็นที่เคารพสักการะได้ หน้าที่ของครูจะง่ายขึ้นมา และก็ลูกศิษย์จะได้รับความรู้จากครูได้มากขึ้น ทั้งปัญหาเยาวชนก็จะเบาบางลง ไม่รุนแรงยิ่งขึ้นไป แต่ว่าครูทั้งหลายจะต้องบากบั่นอดทน และถ้าทำได้ในประเทศไทย จะเป็นการพิสูจน์ว่า วิธีการของเราเป็นผลดี และเป็นสิ่งที่จะค้ำจุนประเทศชาติให้อยู่ยงที่มีความพอใจที่ได้พบครูโรงเรียนราษฎร์ก็เพราะว่าทราบว่า ครูโรงเรียนราษฎร์และโรงเรียนราษฎร์ทั้งหลายสามารถที่จะช่วยการศึกษาของประเทศชาติได้มาก โรงเรียนราษฎร์มีนโยบายเป็นอิสระกว่าโรงเรียนของรัฐบาล คือโรงเรียนของรัฐบาลนั้น นอกจากหลักสูตรที่ผูกมัดเอาไว้ ยังมีนโยบายแล้วก็มีทางราชการที่ตั้งวิธีการแนวทาง ผูกมัดให้ทำอะไรที่เป็นการทดลองให้เห็นว่าเป็นสมัยใหม่ ส่วนโรงเรียนราษฎร์นั้น ถ้าเรามีความคิดที่ดีใครจะมาตำหนิว่าโบราณก็ยังทำได้ เพราะไม่มีใครจะมากดหัว รวมความแล้วที่มาสัมมนากันและเปลี่ยนความคิดทางวิชาการนั้น ก็เป็นที่ชอบแล้ว ควรที่จะหาวิธีการที่จะสั่งสอนบุตรหลานให้มีความรู้ให้กว้างขวางเพื่อที่จะสู้ชีวิตได้มีอาชีพ มีการงาน และพัฒนาบ้านเมือง อุ้มชูชาติไทยให้เป็นประเทศที่ก้าวหน้า นอกจากนั้นก็มาแลกเปลี่ยนความคิดมาปรับทุกข์กันเรื่องฐานะของครู และมาคิดดูว่าจะทำอย่างไรสำหรับให้ครูมีฐานะดีขึ้น ที่ได้กล่าวไว้ตอนกลาง ก็ขอให้นำไปพิจารณาดู ก็อาจเป็นแนวทางอย่างหนึ่งที่จะปฏิบัติได้ ขอให้ครูทั้งหลายอย่าท้อใจ เพราะว่าความท้อใจนั้น เมื่อมีแล้วความปราชัยจะมีตามมาแน่ เราต้องต่อสู้ด้วยความหนักแน่นในชีวิต และพยายามปฏิบัติงานเป็นตัวอย่างสอนผู้น้อย รุ่นผู้เยาว์ สอนเด็กด้วยการแสดง ซึ่งถ้าใช้ศัพท์สมัยใหม่ก็ว่าสอนด้วยการสาธิตชีวิต ถ้าครูสาธิตชีวิตของตัว หมายความว่าแสดงตนว่าเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตในทางที่ถูกต้อง ลูกศิษย์ย่อมต้องทำตาม ถ้าลูกศิษย์ทำตามครูที่ทำตัวเป็นผู้ที่มีศีลธรรม มีวิชา มีจิตใจเมตตา มีจิตใจเข้มแข็ง ลูกศิษย์จะต้องเห็นและทำตามตัวอย่างโดยไม่รู้ตัวขอให้ทุกคนมีกำลังใจไม่ท้อถอย กำลังกายที่เข้มแข็ง เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญของครู เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของคณะครู และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองโดยที่ทำให้เยาวชนซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตมีความรู้ในด้านวิชาการ มีความรู้ในการดำรงชีวิต มีความรู้ในทางศีลธรรม และเป็นพลเมืองของบ้านเมืองที่เข้มแข็งที่จะช่วยให้บ้านเมืองมั่นคง ขอทุกคนจงประสบแต่ความสำเร็จ มีความก้าวหน้า และมีความเจริญรุ่งเรืองทั่วกัน."อ่านต่อ



จำนวนการเข้าชม :  127 ครั้ง

พระสุรเสียงที่มีเนื้อหาคล้ายกัน