พระราชดำรัส พระราชทานเนื่องในวันงานการศึกษาสัมพันธ์ ของวิทยาลัยวิชาการศึกษา ณ วิทยาลัยวิชาการศึกษาถนนประสานมิตร พุทธศักราช 2512



“ก่อนอื่นต้องขอชม และขอแสดงความยินดีแก่ท่านรัฐมนตรีในปฐมกิจของท่าน บัดนี้ก็ขอให้ทุกคนนั่งลงเพื่อให้สบาย ผู้ที่ยืนอยู่คนเดียวบนเวทีนี้ก็ไม่สบาย ที่ไม่สบายเพราะว่า ข้างหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งแล้วข้างหลังเป็นอีกส่วนหนึ่ง เท่ากับต้องแสดงภาพยนตร์แบบไม่ใช่ซีเนรามา มันยิ่งกว่า มันรอบด้าน 360 องศา จึงมีความลำบากใจ เพราะว่าถ้า พูดให้คนข้างนอกข้างหน้าได้ยิน ข้างหลังเขาไม่ได้ยิน ถ้าพูดให้คนข้างหลังได้ยิน ข้างหน้า ก็ไม่ได้ยิน จึงขอให้ฟังกันดีๆ ด้วย ใครได้ยินเล่าให้คนที่ไม่ได้ยินให้ฟังให้ถูกต้อง แล้วก็ เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีว่านี่ก็เป็นอภินิหารอย่างยิ่งที่ได้มาพบกันในปฐมกิจนี้ เพราะว่าจริงอย่าง ท่านว่าที่อเมริกาว่า เราฉลองกันเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพบกันอีกจะเป็น...คนธรรมดา คราวนี้ มาพบหน้ากันอีกปรากฏว่าเป็นคนวิเศษ หรือพิเศษ ก็วิเศษกับพิเศษนี้เป็นคำเดียวกัน แต่ถ้า ใช้คำว่าวิเศษก็อาจไม่ดีเหมือนกัน เพราะว่าท่านจะต้องโต้แย้งว่าไม่ใช่เป็นคนวิเศษ เป็นคน ธรรมดา ทำหน้าที่รับสนองพระเดชพระคุณอย่างธรรมดาที่สุด ความจริงไม่ได้ยอท่าน ท่าน เป็นคนวิเศษอยู่ดีเพราะว่า (เสียงปรบมือ) เวลาท่านพูดอะไรก็มีความหมายเสมอ ไม่เหมือน บางคนพูดแล้วก็ไม่มีความหมาย อันนี้ที่ถืออยู่นี่อย่าตกใจ (เสียงฮา) เพราะว่าคนที่อยู่ข้างหลังนี่ ระยะสัก 4 เมตร นี่เขาตกใจ เพราะบอกเขาว่า เมื่อไปที่ธรรมศาสตร์ได้พูดเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที มาที่นี่โดย ที่เราเป็นพวกนักศึกษาการศึกษา เพื่อศึกษาวิจัยและเพื่อสอน น่ากลัวจะต้องมาวิจัยแล้วก็ พูดถึงเรื่องที่พูดที่ธรรมศาสตร์ว่าได้พูดอะไรบ้าง ก็หมายความว่าใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที สำหรับอ่านที่พูด แล้วก็ใช้เวลาอีกชั่วโมง 10 นาที หรือกว่านั่นสำหรับอ่านข่าวในหนังสือ พิมพ์แล้วก็ใช้อีกประมาณอีกเกือบ 1 ชั่วโมง 10 นาทีสำหรับวิจารณ์และแก้ข่าว รวมเป็น 3 ชั่วโมง 30 นาที รู้สึกว่าเขาก็น้อยใจว่า ถ้าพูด 3 ชั่วโมง 30 นาทีตั้งแต่บัดนี้ไป ก็เป็นเวลา 20นาฬิกา เกือบไปแน่ะ 20 นาฬิกากว่า ก็รู้สึกว่าวิตกมากและน้อยใจมาก จึงบอกว่าเหล่า นักดนตรีแกเตรียมเพลงเพียง 4 เพลง (เสียงฮา) แล้วก็ไม่ทราบว่าเขาเตรียม 4 เพลงจริง หรือไม่จริง แต่ว่าเมื่อวานนี้ก็ได้ซ้อม ปรากฏว่าเตรียมหลายเพลง แบ่งเป็น 3 จำพวก จำพวก ที่เล่นด้วยโน้ต จำพวกที่เล่นไม่ได้ด้วยโน้ต และจำพวกที่ไม่มีโน้ตดู ก็ไม่ทราบว่าจะเอา 3 อย่างนี้หรือเปล่า แล้วก็จะเอากี่เพลง บัดนี้ถ้าพูดถึงที่เตรียมไว้ว่าจะเล่น รู้สึกว่าหลายหน้า อยู่ แต่ว่าก่อนอื่นต้องมาบอกในที่นี้ว่า ดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาวิทยาลัยวิชาการศึกษา แล้ว พบปะตั้ง 4 วิทยาลัยในคราวเดียวกัน นับว่าประหยัดมาก (เสียงฮาและปรบมือ) และดีใจ อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นที่ในหอประชุมใหม่ ไม่ใช่ในที่ที่เคยแจกปริญญาเมื่อก่อนนี้ ว่าอย่างนี้ เพราะมีเหตุผล คราวที่แล้ว มาแจกปริญญาในสถานที่นี้ แล้วก็เกิดความดีใจในครั้งนั้น เหมือนกัน เพราะว่า ขอเล่านิทานให้นิดหน่อยว่าทำไมเวลาเชิญมาที่วิทยาลัยการศึกษา จึงกิน เวลานานสำหรับตอบว่าจะมาหรือไม่มา เพราะว่ามานี่เป็นเวลาล่วงมาประมาณสองปีได้ มาที่วิทยาลัยการศึกษานี้เพื่อแจกปริญญา แล้วก็การแจกปริญญาในห้องสมุด และไม่เป็น ของแปลก เป็นการประหยัด แต่ว่าวันนั้น เมื่อประมาณสองปีมาแล้ว วันนั้นตอนเช้า ได้ทำนั่น คือว่าหมอฟันมา มาเจาะนั่น เจาะจนเกือบจะทะลุคางไป (เสียงฮา) จริงๆ ถามหมอฟันข้างหลังนะ อย่างน้อยมีหนึ่งคน ว่าการเจาะนั่นนั้นเกือบทะลุคาง เพราะว่า ทะลุฟันซี่นั้นถึงราก ถอนเอาประสาทออก แล้วหมอนั่นทั้งหลายก็สนุกสนาน (เสียงฮา ก็ต้องบอกไปอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นเขาเศร้ามาก (เสียงฮา) หมอพื้นที่อยู่ข้างหลังที่ถอน ประสาทออกไป แล้วก็ว่ายังมีอีก ก็ถอนอีก เอาออกไปจนกระทั่งสามอันแล้ว กินเวลา ประมาณสองชั่วโมง เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งก็ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ก็รับประทาน ไม่ไหวปากมันชาหมดเพราะยาที่เขาฉีดไว้ ยังอุตส่าห์ฉีดยาให้ (เสียงหัวเราะ) ประมาณ บ่ายสองโมงกว่า ๆ ก็ต้องมาที่นี่ ไม่ใช่ห้องนี้ ที่ที่แจกปริญญา ฤทธิ์ของยาที่ยังอยู่ก็ยัง สบายดี แต่ว่าหน้าตาไม่ค่อยดี ก็แจกปริญญาไป นับจำนวนไป ที่นี้ก็คราวหน้าก็น่ากลัว ถึงกว่าพันแน่ คราวที่แล้วถึง 999 (เสียงฮา) ไม่ถึงพัน นับจำนวนผู้ที่มารับปริญญาแล้ว ก็ดูนาฬิกา อย่างที่ดูนาฬิกาอยู่ที่นี่ ที่จริงก็ดีใจคราวนี้มีนาฬิกาแล้ว จะได้รู้เวลา นับไป นับมา แจกไปแจกมา ก็มีคนหนึ่งทำให้ตกใจ เขาเดินเข้ามา มารับปริญญา แล้วกด้วย ความพอใจของเขา เขาร้องออกมาว่า “ทรงพระเจริญ” (เสียงฮา) ที่จริงก็แปลกหน่อย หนึ่งในพิธี ถ้าเป็นอย่างฝรั่งเขาก็ถือว่าการแจกปริญญานี้เป็นพิธีใหญ่มาก การแจกปริญญานี้ ต้องใส่เสื้อครุย ใส่อะไรต่าง ๆ แล้วก็ต้องมีการพูดกันใหญ่ แต่ว่าในพิธีนั้นก็เดินเข้ามารับ แล้วก็ร้อง “ทรงพระเจริญ” ความจริงตอนนั้นก็กำลังหลับในอยู่ (เสียงฮา) ก็ตกใจตื่น (เสียงฮา) การแจกปริญญานั้นที่จริงเป็นเทคนิคสูงมาก คือว่าเครื่องของคนเราถ้าเปรียบเทียบ กับเครื่องยนต์กลไก เราเสียเปรียบ เราปิดเครื่องอีกอย่างไม่ได้ แต่บังเอิญตอนนั้นการ แจกปริญญาก็ส่วนแจกปริญญา ส่วนปวดฟันก็ส่วนปวดฟัน (เสียงฮา) ส่วนหลับในก็ส่วน หลับใน (เสียงฮา) เมื่อเสียงเขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ” มาต้องโสตประสาทตกใจตื่นทั้งตัว แต่ว่าหลังจากตกใจตื่นขึ้นมาอาการปวดฟันหายไปจริงๆ นี่พูดตามวิสัยของนักวิทยาศาสตร์หรือ นักวิจัย รู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่าที่จะแจกปริญญาต่อไป ทำด้วยความรู้ตัวด้วย แล้วก็ทำให้ เรารู้สึกว่าเรามีกำลังใจ ที่เขาบอกว่า “ทรงพระเจริญ” นั่นนะ เขาก็ทำด้วยความตั้งใจดี ด้วยความตื่นเต้นของเขา แต่ว่าทำให้เกิดผลดี ทำให้รู้สึกว่าเขาเอาใจช่วย อย่างงานอื่น ๆ ก็เข้าใจว่าเหมือนกัน เวลาเราเหนื่อย ถ้ารู้ว่ามีคนเอาใจช่วยที่เห็นใจแล้วก็พยายามทุกอย่าง ที่จะทำเพื่อให้งานทั้งปวงลุล่วงไปโดยดี มันก็เป็นการสนับสนุน แล้วก็เป็นการดีสำหรับ ส่วนรวม เพราะว่างานกลุล่วงไปด้วยดี ลงท้ายก็ปรากฏว่างานแจกปริญญากลุล่วงไปโดยดี หลังจากนั้นทางท่านรัฐมนตรี - ไม่ใช่คนนี้คนเก่า ที่ท่านก็น่านับถือเหมือนกัน ได้ทำประโยชน์ได้มากเหมือนกัน ก็เชิญไปดูโรงเรียนสาธิต ก็เลยขอท่านรัฐมนตรีว่าขอเติมสตีม เสียก่อน คือว่าหิวเต็มทนก็ดี ก็ได้รับประทานของว่าง แล้วก็ยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้มั่นหายปวด ซึ่งที่จริงหายปวดแล้วเพราะว่าดีใจที่มีคนสนับสนุน แต่นั่นยังไม่ยอมหายปวดก็ต้องใช้ยา ระงับหน่อย นี่ก็เป็นอารัมภบทที่ยึดยาว ก็น่าจะถึงสองชั่วโมงแน่ อีกข้อหา เหมือนกันคือว่า วันนี้มาคนเดียวเพราะผู้ที่จะมาด้วยมีอันเป็น พูดถึงถูกก่อน ที่ต้องพูด ถึงลูก เพราะว่าเขาเป็นคนที่อยู่ไกลที่สุด ก็ทราบดีแล้วว่าเขากำลังเรียนอยู่ต่างประเทศ คน หนึ่งที่อเมริกา คนหนึ่งที่อังกฤษ ก็ไม่ได้มา เสียใจ เพราะว่าค่าเครื่องบินแพง (เสียงฮา) แล้วไม่เป็นการประหยัดอีกแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร ได้ข่าวมาว่าสอบแล้วก็ได้คะแนน -- ที่อเมริกาได้คะแนนที่นับว่าดี ก็ในฐานะที่เป็นพ่อก็ขอมาอวดหน่อย (เสียงฮาและปรบมือ) ว่าทางฟิสิกส์ และแคลคูลัสได้ A+ หนึ่งอัน แล้วก็ A (เสียงปรบมีอ) ก็เป็นที่หวังได้ เขาก็เขียนจดหมายมาบอกว่า ลูกทำอย่างนี้แล้วขอให้พ่อสนับสนุนให้เข้า เอ็ม. ไอ.ที. ให้ ได้ หรือว่าขออนุญาตเข้า เอ็ม. ไอ.ที. ก็เลยนึกว่าถ้าเขาทำคะแนนดี ๆ อย่างนี้ไม่ต้อง สนับสนุน เขาก็เข้าไป แล้วก็คงได้ผลดี ก็ขอเพิ่มเติมคำว่าในฐานะเป็นพ่อ เพราะว่า พูดไปเฉย ๆ เดี๋ยวจะหาว่าโอ้อวดหาว่าทำอะไร ๆ อย่างนั้นอย่างนี้เป็นความภูมิใจแท้ พ่อ ทุกคนเขาก็มีสิทธิ์ที่จะภูมิใจลูกเขาใช่ไหม คราวนี้สำหรับลูกชาย ก็ได้ข่าวดีเหมือนกัน แต่ ก่อนนี้เป็นคนที่ออกจะเหมือนเด็กผู้ชายทั่ว ๆ ก็ขี้เกียจที่จะเรียน แต่เดี๋ยวนี้ขะมักเขม้น มีหวังกลับมาในเดือนกรกฎาคมนี้ มีหวังกลับมาเอาตัวหนังสือ โอ มาให้หมายความว่าจะได้ สอบที่เขาเรียกว่า 0. Level Mark ได้เป็นผลสำเร็จ ก็มีหวังอย่างมาก สำหรับผู้ที่อยู่ไกล สองคนก็มีคำอธิบายแล้วว่าทำไมไม่มา สำหรับคนที่อยู่ใกล้กว่า เดี๋ยว ตอนนี้ต้องดูทิศทาง (เสียงฮา) เข้าใจว่าเป็นพระราชินี ไม่ได้มา แต่ก็ขอฝากความระลึกมา ไม่ได้มาเพราะเหตุ ว่าไม่สบายจากที่ลูกไม่สบาย (เสียงฮา) ก็ไม่สบายด้วยตนเองด้วย ไม่ได้โทษลูกเท่านั้น เอง แต่ว่าไม่สบายด้วยลูกด้วย เพราะลูกคนที่สาม - ก็คงอ่านหนังสือพิมพ์แล้ว เขาบริการ ประชาชนอย่างดี (เสียงฮา) แล้วก็ลงหนังสือพิมพ์ว่าเป็นประกาศของคณะกรรมการแพทย์ แล้ว ก็คงทราบดีว่าเป็นอย่างไร เมื่อเช้านี้ออกแถลงว่าได้ทำการผ่าตัด ในระยะ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาก็เรียบร้อยดี แล้วก็เมื่อเช้านตามประกาศว่าลุกขึ้นนั่งได้ แล้วก็พูดได้ แจ่ม ใสดี แต่ว่าข้อนี้ไม่ได้โทษหนังสือพิมพ์เลย – แต่ว่าประกาศเขาประกาศว่าอย่างนี้ - อ่าน หนังสือพิมพ์แล้ว อ่านประกาศแล้วพ่อก็เซ่อ นึกว่าเขาพูดได้ก็เข้าไปหาเขา เสร็จแล้ว บอกว่า “ลูกสบายรี” (เสียงฮาและปรบมือ) ถามว่า “บ่ายนี้จะไปวิทยาลัยประสานมิตร กับเขาไหม” แล้วก็จะไปร้องเพลงอะไร (เสียงฮา) เขาบอกว่า.....(เสียงฮา) ก็ไม่เข้าใจ ดีว่าเขาจะร้องเพลงอะไร ตกละลงท้ายก็ไม่ได้มา แต่ตามข่าวหนังสือพิมพ์ที่ว่าพูดได้แล้ว ก็เชื่อไม่ได้ (เสียงฮา) จะโทษใคร เกี่ยวตำรวจจับ (เสียงฮา) ก็เป็นอันว่าคนที่สามมา ไม่ได้เพราะเหตุนี้ เพราะว่าถามเขาว่าจะมาร้องเพลงอะไรเขาก็พูดไม่ได้ แต่ป่านนี้คงพูด จ้อแล้ว ลูกคนที่สี่นั้น เมื่อวานซืนนี้ลูกคนที่สามจะผ่าตัดก็ต้องให้ยาแล้วก็แพ้ยา ทำให้นอนไม่หลับ อาเจียนตลอดคืน ลูกคนที่สีก็เลยสงสารพี่ ก็มาบริการ ก็เลยเท่ากับไม่ได้นอน เหมือนกัน จึงระงับการมาประสานมิตร ตกลงผู้ที่เป็นมารดาก็ทั้งไม่ได้นอน ทั้งเป็นห่วง ทั้งต้องไปบริการผู้ที่เป็นธิดา ก็จึงไม่มา นี่ก็เป็นเรื่องอารัมภบท กินเวลาไป 20 นาที เรื่องที่จะพูดที่จริงก็อยู่ในนี้ แล้วก-แล้วก็เขียนเหมือนท่านรัฐมนตรี มากมาย อ่าน ก็อ่านไม่ออกเพราะว่าไม่ทราบว่าจะอ่านอย่างไร แต่ว่าเรื่องที่อยู่วิทยาลัยประสานมิตรหรือ วิทยาลัยบางแสน หรือวิทยาลัยพิษณุโลก วิทยาลัยมหาสารคาม และอีกแห่งหนึ่ง- อะไร นะ-ปทุมวัน ทั้งห้าแห่งนี้ก็เข้ามาเรียนเพื่อจะหาความรู้ แล้วก็เพื่อที่จะทำประโยชน์การทำ ประโยชน์จะทำอะไรก็ได้ ทำประโยชน์ก็คือการเป็นครูสอนอย่างหนึ่ง ก็นอกจากนั้นก็เป็นผู้ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับความรู้ทั่ว ๆ ไป ไม่ได้หมายความว่าเป็นครูเท่านั้น เป็นผู้ที่ช่วยสร้าง บ้านเมืองในทางที่จะให้สามารถที่จะต่อสู้ชีวิต แล้วก็ให้อนาคตของชาติสามารถมีความรู้ต่อสู้ ชีวิตได้ ในการนี้ก็เกี่ยวข้องกันหลายอย่าง เกี่ยวข้องกับการเรียน เกี่ยวข้องกับการสอน เกี่ยวข้องกับการพูด เกี่ยวข้องกับการเขียน ทุกสิ่งทุกอย่างนี้นะ ถ้าจะเตรียมตัว ให้ทำหน้าที่ได้จริงๆ เราจะต้องอาศัยหลักวิชาอย่างหนึ่ง ก็รู้สึกว่าเป็นวิชานอกจากวิชาที่ เรียนอยู่ เป็นวิชาที่จะต้องท่องจำ และเป็นวิชาที่จะต้องถือว่าปลีกย่อยพอใช้ มีวิชาอย่าง หนึ่งคือต้องสามารถใช้เหตุผล เขาเรียกว่า - ดูเหมือนตรรกวิทยา - ใช่หรือไม่ใช่ คือว่าไม่ ค่อยชอบเลยที่จะใช้คำที่ไม่รู้เรื่อง มันไม่สมกับเหตุผล เหตุผลนี้ ก็ขอให้เข้าใจว่าทำไม คำว่าตรรกวิทยามาเป็นเหตุผลได้ เราต้องนึกถึงว่าเกิดเหตุอะไรก็ต้องเกิดผล ถ้าเกิดเหตุ ก็เกิดผลดี แต่เหตุมาจากอะไร ก็มาจากการกระทำของเราเอง ถ้าการกระทำนั้นดีก็เกิด ผลดี ถ้าการกระทำนั้นไม่ดีก็เกิดผลไม่ดี ถ้าจะขึ้นธรรมาสน์ก็บอกว่าถ้าประกอบกุศลกรรม ก็เจริญ ถ้าประกอบอกุศลกรรมก็อัปมงคล นี่ก็เป็นข้อหนึ่งที่จะต้องศึกษา จะไม่บอกว่าควรจะ ศึกษาอย่างไร หาเหตุผลเอาเอง มีอีกอย่างที่จะสำคัญสำหรับ นักศึกษานักการศึกษาที่จะศึกษาเอง เพื่อที่จะสอนได้ แล้วก็ต้องสอนวิชานี้แก่ผู้เป็นลูกศิษย์ ถ้าเป็นครูก็สอนแก่ลูกศิษย์ ถ้าเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ในด้านที่จะปกครองก็สอนผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้าเป็น นักหนังสือพิมพ์ก็เขียนให้ดี ๆ ประชาชนเรียนเอง ก็อยู่ที่ให้รู้จักสรุปย่อความ ข้อนี้สังเกตดูว่า การย่อความเป็นวิชาที่สำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าไปพึ่งใครพูดและยิ่งพูดนาน ๆ ก็ต้องไปจับว่าเขาพูดว่าอะไร แล้วก็มาเรียงเป็นหัวข้อ เสร็จแล้วจึงจะสอนคนอื่นได้ ถ้าเราไม่มีระเบียบ อยู่ในหัว เราจะไปสอนหรือไปเล่าให้คนอื่นก็ไม่ได้ เพราะว่าลงท้ายคนที่พึ่งจะไม่เข้าใจ คนที่นั่งเขาจะไม่เชื่อ คนที่นั่งเขาจะไม่รู้เรื่อง จึงต้องรู้จักย่อความ รู้จักจับใจความที่สำคัญ ว่าพูดว่ากระไร เสร็จแล้วไปถ่ายทอดได้โดยที่ตั้งเป็นหัวข้อก่อน ต่อจากหัวข้อก็เป็นเนื้อความที่ย่อ ๆ ถ้าอยากจะพูดให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยความจำก็ต้องดีมาก วันนี้เอาแฟ้มมาที่นี่ มีหลายอย่างทีเดียวในนี้ แต่ว่าข้อสำคัญก็มีเรื่องที่ไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พูดเป็นเวลานาน ก็เป็นหน้ากระดาษนับได้ 34 หน้ากระดาษ แล้วอันที่สองก็มีย่อความจากที่พูดที่มหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ เหลือ 11 หน้ากระดาษเล็ก ๆ แล้วก็ส่วนที่สาม ที่เขาลงหนังสือพิมพ์ กัน ตั้ง 50 กว่าหน้า ถ้าจะดูตามเรื่องนี้ ที่พูดอย่างพูดวันนี้ บางทีก็กลับไปกลับมานิดหน่อย หรือพูดเอ้อๆ อ้า ๆ ไปไม่ค่อยรู้เรื่องบ้าง ที่เขียนไว้นี่เขียนตามที่ได้พูด ไม่ได้ตัดทอนเลย ก็ มาดูได้ว่าใจความพูดว่าอะไร จึงมาย่อความ ที่ย่อความนั้นนะ บางทีก็ไม่ได้ความ คือไม่ได้ ทำเอง ให้คนหนึ่งที่เขาเคยเป็นอาจารย์เขาทำ แต่ให้เวลาเขาน้อยเขาก็ยังทำไม่ได้ดี แต่ก็ ส่วนใหญ่ก็ดี ตอนนขั้นที่สามก็ไปเปรียบเทียบกับที่ลงหนังสือพิมพ์ มีหนังสือพิมพ์ประมาณ สิบฉบับที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ก็ปรากฏผลว่าบางทีไปคนละเรื่อง จึงขอให้เข้าใจว่า การย่อ ความหรือการเก็บความนี้มีความลำบากมากมาย สำหรับที่ธรรมศาสตร์นั้นมีอุปสรรคหลาย อย่าง ก็มานับดูแล้วก็ประมาณสิบอย่างเหมือนกัน อุปสรรคขั้นแรกที่สำคัญก็ผู้พูด ผู้พูดนั้น อาจพูดไม่ได้ความ พูดไม่ได้เรื่องจึงจับความไม่ได้ ก็รับว่า บางที่พูดบางประโยคอาจ เข้าใจยาก เพราะว่าในหัวของตัวเองก็เข้าใจแต่เวลาพูดออกมาเป็นคำแล้วมันชุลมุน ก็เลย อาจเข้าใจยาก นั่นก็เป็นข้อหนึ่ง ข้อที่สองไมโครโฟนนี้อาจไม่ดี (เสียงฮา) จึงต้องออกตัว ตั้งแต่ต้นว่า คนที่ได้ยินขอให้มีความเมตตาต่อผู้ที่ไม่ได้ยิน เพราะว่าไมโครโฟนบางแห่ง พูดแล้วไม่ได้ยิน แต่ที่ที่หวังว่าได้ยิน เพราะเข้าใจว่ามีเจ้าหน้าที่พิเศษที่มีความเชี่ยวชาญ อย่างยิ่งปฏิบัติการ ก็ควรจะได้ยิน ประการต่อไปก็คือคนฟังอาจเหม่อหรืออาจหลับหรือ หลับใน ก็เลยไม่ได้ยิน เหตุผลต่อไป ผู้ที่จดข่าวเอาไว้อาจจดไม่ทัน เพราะว่าพูดมาก รู้สึก ว่าเหมือนที่ใกล้สนามม้า “ผักบุ้งโหรงเหรง” ก็อาจเป็นได้ แต่ว่าคนที่เขียนเขาอาจจับความ ไม่ได้หมด เพียงแต่จับคำแรกแล้วไปจบคำสุดท้าย เรื่องก็ไปคนละอย่าง ถ้าสมมุติว่าพูดว่า “วันนี้ยินดีมาก ที่ได้มาที่มหาวิทยาลัยนี้ เอ้อ ที่วิทยาลัยนี้” จับเพียงแต่ว่า เอ้อ ไม่ใช่ มหาวิทยาลัย ลงท้ายก็ไม่ได้ความ ข่าวจะออกมาว่า “วันนี้ยินดีมากที่ไม่ได้มามหาวิทยาลัย” ที่ จริงความมีว่า “วันนี้ยินดีมากที่มาวิทยาลัยน” ที่ว่า “เอ้อ” หมายถึงไม่ใช่มหาวิทยาลัย “เอ้อ เพราะว่าพูดผิด แต่ว่าถ้าบังเอิญเขาตื่นขึ้นมา มาจับเอาตรงคำว่า ไม่ใช่มหาวิทยาลัยแล้วแน่ และชักไม่รู้เรื่อง แล้วเขาก็ว่าคนพูดเก็บสิ่งที่ผ่านไป ก็เป็นอย่างนี้ คนที่สนใจการศึกษา คนที่เป็น หนังสือพิมพ์ก็มีอุปสรรคทั้งนี้ทั้งนั้น อุปสรรคต่อไปก็ยังมี เช่นอุปสรรคว่า เมื่อเราเขียนข่าว แล้วก็ต้องให้บรรณาธิการตรวจ หรือผู้ที่เรียงพิมพ์เขาอาจไม่เข้าใจ หรือเขาอาจมีนโยบายอื่น เขาก็ตักข่าวนั้นออก หรือเขาปรับปรุงข่าว ซึ่งก็เกิดขึ้นทั้งเมืองไทยทั้งเมืองนอก เป็นเรื่อง อย่างนี้ อุปสรรคต่อไปสำหรับหนังสือพิมพ์คือว่าที่จำกัด เขียนไว้แล้วยืดยาว เขาบอกที่ไม่พอ ตัดเสีย ไม่ฟังเสียง ตักสุ่มสี่สุ่มห้า ข้อความก็ไม่เหลือ ก็เป็นอย่างนี้ได้เหมือนกัน อีกประการ หนึ่งที่เป็นอุปสรรค ก็กลัวตำรวจ ทำดีไม่ดีโดนตำรวจจับ โดนตำรวจสอบสวน ในการที่โดน ตำรวจสอบสวนนั้น ไม่ใช่ว่าเข้าไปสอบสวนเฉย ๆ เพราะว่ากฎหมายการพิมพ์มาตรา 36 บอกไว้ว่า เจ้าหน้าที่การพิมพ์มีอำนาจที่จะไปตักเตือน ประกาศตักเตือน หรือประกาศตักเตือน เป็นส่วนรวม และเรียกผู้เขียนหรือเรียกบรรณาธิการมาตักเตือน แล้วก็ให้ผู้ได้รับการตักเตือน ลงชื่อรับทราบข้อต่อไปก็อาจปิดโรงพิมพ์ก็ได้ อาจยึดแท่นพิมพ์ก็ได้ อาจซื้อเครื่องอุปกรณ์ ต่าง ๆ ไปก็ได้ จำคุกก็ได้ จับกุมเอาไว้ก็ได้ จะอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีก็ได้ ไม่ใช่รัฐมนตรีศึกษา (เสียงฮา) จะอุทธรณ์ได้ต่อรัฐมนตรีมหาดไทย ถ้ารัฐมนตรีมหาดไทยเห็นว่าคดีนี้ไม่มีมูล ก็ ให้ปล่อยตัว ให้คืนแท่นพิมพ์ ให้คืนสิ่งพิมพ์อะไรทุกอย่างก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ว่าถ้ามีการเสียหาย ไม่ชดใช้ให้ ก็เป็นสิ่งธรรมดาที่จะต้องกลัว นี่ก็เป็นอุปสรรคเหมือนกัน ที่พูดถึงทั้งหมดนี้ พูด ถึงอุปสรรคในการทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์หรือของผู้เขียน ตอนตำรวจจับนี่เฉพาะหนังสือ พิมพ์กับผู้เขียน ไม่ใช่ครู ครูยังเคราะห์ดี และเพราะว่าครูมีความลำบากอย่างอื่น จะไปคอย ให้ตำรวจจับครูก็อันตราย รู้สึกว่าครูจะท้อใจกันหมด จะไม่มีครูเหลือ ในที่นี้ผู้ที่เป็นครูก็มีที่จะเป็นครูก็มี ต้องนึกถึงความรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะว่าถ้า เป็นครูแล้วลูกศิษย์จะต้องนับถือได้ ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับที่เป็นครู ไม่ใช่วางตัวอย่างหนึ่งแล้วมาสอนอีกอย่างหนึ่ง ลูกศิษย์เขาเอาอย่าง เพราะอย่างนี้กระทรวงศึกษาจึงตั้งโรงเรียน สาธิต สาธิตก็เข้าใจว่าเป็นโรงเรียนเป็นสาธิต ไม่ใช่สอนแบบสาธิต แต่ว่าที่จริงการสอนควร จะเป็นสอนแบบสาธิต ไม่ใช่โรงเรียนสาธิต คือหมายความว่าครูจะต้องสาธิต นี่ใช้คำของ กระทรวงนะ (เสียงฮา) ครูจะต้องสาธิตให้นักเรียนเห็นว่าในชีวิตนี้เราควรจะทำอะไร ถ้าเรา สาธิตให้นักเรียนวางตัวให้ดี มีศีลธรรม ก็เชื่อว่าเด็กนักเรียนจะเชื่อฟังและเชื่อตาม เพราะเขา เห็นว่าเหมาะสมดี เขาก็เลื่อมใส เขาก็มีหวังว่าจะเป็นเด็กที่ดี แล้วจะเป็นนักเรียน เป็น นักศึกษา เป็นครูต่อไปก็อาจเป็นได้ เป็นคนที่ดี ทำงาน ทำหน้าที่ของพลเมืองดีต่อไป แต่ว่า ถ้าเป็นโรงเรียนสาธิตเท่านั้นเอง ก็ไม่มีหวัง เพราะว่าถ้าโรงเรียนสาธิตตั้งไว้สำหรับโชว์ สำหรับสาธิต ก็รู้สึกว่าเด็กนักเรียนเป็นสัตว์ที่อยู่ในกรุง เป็นสัตว์ประหลาด เป็นลิงเขาดิน เขาดินนี่นะเป็นสวนสาธิต สาธิตให้ประชาชนให้คนที่สนใจในเรื่องของลิงไปดูลิงว่าเขาอยู่กัน อย่างไร เขากินกล้วยอย่างไร (เสียงฮา) แล้วก็เขาเกาหัวกันอย่างไร (เสียงฮา) เคยเห็นลิง เกาหัวไหม (เสียงฮา) เคยซิ เขาเอาเท้ามาเกา ก็นำเอานักเรียนไปอยู่โรงเรียนสาธิต พาประ ชาชนพาผู้เชี่ยวชาญใครต่อใคร พาแขกบ้านแขกเมือง พาผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่เขาช่วย เหลือเรา ที่แลกเปลี่ยนมาเอามาสอนเราในเมืองไทยนะ ไปดูใหญ่ จะได้ไปดูว่าเป็นของ ประหลาด นี่แหละพูดถึงคำว่าสาธิตจึงออกจะไม่ค่อยดีนัก พูดไม่ค่อยดี คำพูดไม่ค่อยดี ปาก ไม่ค่อยดี เพราะว่าพูดถึงเรื่องอะไรแล้วก็ม้วนกลับไปถึงเรื่องอื่น รู้สึกว่าตลบหลังเรื่อย ขอ ให้เข้าใจว่านี่เป็นครั้งแรกที่มาพูดแบบนี้ในสถานที่นี้ ในสถาบันนี้ ซึ่งประกอบด้วย 5 สถาบัน และก็ขอให้เข้าใจว่า ที่พูดนี่เรื่อยเฉื่อยไม่ได้พูดมาให้โอวาทอย่างท่านรัฐมนตรีขอมาพูดตาม ที่อะไรผ่านในหัว ก็พูดออกมา เพราะว่าจะเป็นการสาธิตความคิดที่มีอยู่ในหัว (เสียงฮา) ที่พูดถึงเรื่องโรงเรียนสาธิตว่าควรจะเป็นอย่างไรก็เนื่องมาจากที่บอกว่า ผู้ที่จะมีหน้าที่ เป็นครูก็จะต้องสาธิตให้ลูกศิษย์เห็น จะทำอย่างไรจึงจะดี ถ้าครูเชื่อมั่นว่าอุดมคติของตัว ถูกต้อง ก็ควรที่จะสอนให้แก่ลูกศิษย์ เพราะว่าคนเราถ้าเห็นชอบด้วยสิ่งที่เราคิดจริงๆ ที่เรา เชื่อมั่นจริงๆ ก็ควรจะให้ผู้ที่อยู่ใกล้ๆ และผู้ที่อยู่ใต้อุปการะได้ทราบบ้าง แล้วจะได้ปฏิบัติ ก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญ ไม่ได้ห้าม-ถ้าอยากแพร่ลัทธิคอมมูนิสต์ก็เชิญแพร่ลัทธิคอมมูนิสต์ ถ้าแต่ละคนเชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นลัทธิที่เหมาะสมแก่บ้านเมือง เมื่อคิดโดยรอบคอบแล้วว่า บ้านเมืองเราต้องการลัทธิคอมมูนิสต์ จงไปสอนแก่ลูกศิษย์ เพราะว่าถ้าเห็นว่าลัทธิ คอมมูนิสต์หรือวิธีการคอมมูนิสต์ถูกต้อง หรือส่วนหนึ่งของลัทธิคอมมูนิสต์ถูกต้อง เราก็ ควรจะปรับปรุงบ้านเมืองของเราให้เป็นคอมมูนิสต์ นี่ยกตัวอย่างที่อาจรุนแรงมาก แล้วก็ เชื่อว่าในหนังสือพิมพ์คืนนี้ พรุ่งนี้ จะไม่ได้ลงแน่ (เสียงปรบมือ) เข้าใจว่าไม่ลง เพราะว่า ถ้าใครไม่เข้าใจคำพูดนี้แท้ ๆ เดี๋ยวจะมาหาว่าผู้พูดเป็นคอมมูนิสต์ (เสียงฮา) ก็จะทำให้เกิด เข้าใจผิด แต่ความจริงถ้าเข้าใจแล้ว ก็คงเข้าใจว่าหมายความว่าอะไร แต่ที่นี่ไม่เห็น หนังสือพิมพ์ เพราะว่าผู้ที่เขียนข่าวอาจเขียนไม่ได้ เพราะไม่มีทางที่จะเขียนให้เข้าใจกันได้ ว่าหมายความกันว่ากระไร หมายความว่าจะต้องเขียนตั้ง 15 หน้ากระดาษกว่าจะเข้าใจได้ แล้วก็เมื่อลงมีทั้ง 15 หน้ากระดาษแล้วจะลงในหนังสือพิมพ์เขาก็ไม่ลงให้แน่ ถ้าย่อลงมา ตำรวจบังเอิญไปเห็นก็น่ากลัวจับ จะจับด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบ จะเป็นจับเพราะผู้เขียนเป็น คอมมูนิสต์หรือบรรณาธิการเป็นคอมมูนิสต์ หรือกระดาษมาจากจีนแดง (เสียงฮา)-กระดาษ มาจากจีนแดงคงไม่จับ-หรือผู้พูดจะโดนกล่าวว่าเป็นคอมมูนิสต์น่ากลัวตำรวจจะต้องกลาย เป็นคอมมูนิสต์ เมื่อตำรวจกลายเป็นคอมมูนิสต์ ก็จะต้องจับคน ๆ หนึ่ง ใครก็ได้ เพราะ ว่าคนไหนที่บอกว่าเป็นคอมมูนิสต์อาจไม่เป็นคอมมูนิสต์เขาก็ต้องจับเรา เรียกว่าอนาคิสต์ ก็เลยยุ่งกันใหญ่ นี่น่ะพูดเละนะ (เสียงฮา) คือข้อนี้ต้องบอกว่าพูดเละ เพราะประเดี๋ยว หนังสือพิมพ์จะไปลงเป็นอะไรต่างๆ นี้ จะเข้าบึงกันทั้งเมือง (เสียงฮา) แล้วพรุ่งนี้เช้าจะไม่มี หนังสือพิมพ์อ่าน (เสียงฮา) อ่านหนังสือพิมพ์นี่ตื่นเต้นดี (เสียงฮา) แล้วได้ทราบว่าทำอะไร วันนี้ เพราะบางที่ไม่ทราบว่าทำอะไรก็ไปอ่านหนังสือพิมพ์แล้วร้องอ้อได้ว่าเราทำอะไรบ้าง วันนี้ (เสียงฮาและปรบมือ) ก็อย่างวันก่อนนี้โล่งใจแล้วก็ดีใจมาก บางคนก็บอกว่าดี วันก่อน นี้เมื่อวันที่ 10 ได้ข่าวว่าไปน่าน ไปแล้วก็กลับมา กลับมาเวลา 16.30 กลับบ้านแล้วก็ โล่งใจ ก่อนมืด ปลอดภัยดี (เสียงฮา) แต่แท้ที่จริงที่เป็นห่วงมากเพราะว่าเวลา ไม่ใช่ 16 นาฬิกา 30 เวลา 17 นาฬิกา 30 กำลังวนอยู่ที่บ้านด่าน แล้วก็น่ากลัวจะได้ล้ำเขตไปถึง เมืองลาวนิดหน่อย ที่ไม่ได้โดนยิงก็ยังบุญ (เสียงฮาและปรบมือ) ก็อะไรๆ ที่เขียนไว้บน แพ้มว่าลับมากนั้นนะคนรู้หมด แต่ว่าวันนี้ถ้าจะเพราะไม่ได้เขียนว่าลับมากคนเลยไม่ทราบ แท้จริงวันนั้นเวลา 17 นาฬิกา 30 ถึง 18 นาฬิกา 15 นาที วนที่บ้านด่าน ความสูง 7,500 ฟิต ภูเขาที่นั่น 6,300 ฟุต ที่บินขนาดเล็กพันกว่าฟิตนี่ก็เพราะว่ากลัวชนภูเขา (เสียงฮา) ปรากฏว่าเห็นดี เห็นไฟไหม้ เห็นเขารบกัน ที่มาเล่าให้ฟังก็เพราะว่าเดี๋ยวจะไม่ ทราบว่าการกระทำที่แท้จริงกับรายงานบางทีก็ไม่ตรงกัน แล้วก็เพื่อขจัดข่าวลือ เดี๋ยวจะไป ถือว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปเมืองลาว (เสียงฮา) ลือไปอย่างโน้นอย่างนี้ ก็จะ ต้องแก้ข่าวยุ่งกันใหญ่ จึงต้องบอกว่าอยู่ที่ไหนไปบ้านด่านเสร็จแล้วเวลา 18 นาฬิกา 10 นาที ก็กลับมาทิศใต้เฉียงๆ นิดหน่อย มาถึงดอนเมืองประมาณสองทุ่มครึ่ง 20 นาฬิกา 30 21 นาฬิกาก็ถึงสวนจิตร ถึงสวนจิตรรับประทานอาหารค่ำ คือว่าอาหารค่ำแต่งเครื่องแบบ ทหาร ดูเหมือน ๆ ดินเนอร์ใหญ่ (เสียงฮา) แต่แท้จริงก็สองสามีภรรยาเท่านั้นเอง แล้วก็ แค่นั้น (เสียงฮา) ที่ถือแฟ้มนี่มาก็เพื่อจะยกตัวอย่างสำหรับวิธีการย่อความ แต่ว่าเมื่อพูดมากอย่างนี้ รู้สึกว่าไม่รู้จะจำเป็น ที่พูดถึงการเทขยะนั้น ที่พูดจริง ๆ พูดว่าขอให้ทุกคนช่วยกันเทขยะ ให้น้อย ๆ หรือถ้าต้องเทขยะขอให้เทขยะอย่างมีระเบียบ ผู้ที่มาเก็บขยะจะได้ทำงานได้ง่ายขึ้น นี่คือคำที่พูด แต่บางแห่งก็บอกว่าให้นักศึกษาช่วยเทขยะ ที่จริงไม่ใช่ ไม่ได้มีหน้าที่ที่ จะไปเทขยะ (เสียงฮา) ความจริงเทขยะได้ทุกอย่าง แต่เราอย่าไปเทมากเกินไปคนอื่น ต้องเก็บ นี่ก็เป็นเรื่องของการเทขยะ เรื่องที่พูดต่อจากเทขยะนั้นบอกว่า การเทขยะนั้น ถ้าเราไม่หยอดน้ำมันรถขยะไม่เกิน ไม่ได้บอกว่ารถไม่เกิน บอกว่าขยะไม่เดินข้อนี้ขอ ปลอบใจนิดหน่อย ปลอบใจว่าพูดแค่นั้นอาจทำให้ทุกคนท้อใจว่าทำไมต้องหยอดน้ำมันรถ ขยะถึงจะเดิน เมืองนอกก็เป็น บางแห่งถ้าไม่หยอดน้ำมันขยะไม่เดินเหมือนกัน ประเทศที่เรา เคยไปอย่างเช่นประเทศอังกฤษ ประเทศสวิสก็เกิดเหมือนกัน ถ้าไม่หยอดน้ำมัน ขยะก็ไม่เดิน มีทุกแห่งทุกหน ไม่ใช่ว่าเราเป็นประเทศเดียวที่เป็นอย่างนั้น แต่ว่าเป็นที่แน่นอนว่าบางคนไม่มีน้ำมันที่จะหยอกก็ลำบาก จึงขอให้หยอดน้ำมันให้น้อยลง แล้วท่านนายก เทศมนตรีก็ดีมาก ได้แถลงว่าจะพยายาม แล้วจะพยายามหางบประมาณมาซื้อรถขยะ ก็น่า ชื่นใจที่ท่านนายกเทศมนตรีได้มีความพยายามอย่างยิ่ง เราก็พอใจ มีเรื่องอีกอย่างหนึ่งที่จะยกตัวอย่างเท่านั้นเองว่า คราวที่แล้วที่ธรรมศาสตร์ พูดถึงว่า เรากำลังมีรัฐบาล บอกว่าเรากำลังจะมีรัฐบาล จะเป็นรัฐบาลใหม่เก่าหรือเก่าใหม่ก็ไม่ทราบ ที่พูดนี้ หนังสือพิมพ์เห็นว่าฟุ่มเฟือย ไปเขียนไว้ว่า “จะเป็นรัฐบาลใหม่หรือเก่าไม่ทราบ” ซึ่งออกจะต่างกัน เพราะว่ารัฐบาลใหม่เก่าหมายความว่า รัฐบาลที่ประกอบคณะรัฐมนตรีที่ เป็นคนเก่าแต่ว่าตั้งขึ้นมาใหม่ ส่วนรัฐบาลเก่าใหม่หมายความว่า รัฐบาลก็ยังมีอย่างเดิมแต่ว่า ซักฟอกขึ้นมานิดหน่อย เลือกเอาคนหนุ่ม ๆ อย่างท่านรัฐมนตรีเรา (เสียงชาและปรบมือ) ทุกคำมีความหมาย ถ้าจับความหมายไม่ถูกก็ออกจะลำบาก แต่ว่าขอวิจารณ์ท่านรัฐมนตรี ท่านนี้หน่อยเพราะว่านับถือท่าน รัฐมนตรีท่านนี้ จะเรียกว่าเก่าใหม่หรือใหม่เก่าก็ไม่ ต้องเป็นทั้งสองเพราะว่าเคยเป็นรัฐมนตรีมาแล้ว ก็เป็นรัฐมนตรีเก่า แต่ว่าก็เท่ากับเพิ่งเป็น รัฐมนตรี ก็เป็นทั้งใหม่ทั้งเก่า ทั้งเก่าใหม่ ทั้งใหม่เก่า (เสียงปรบมือ) ถ้าจะต้องบัญญัติศัพท์ สำหรับบอกว่า รัฐมนตรีนี้ บุคคลชนิดนี้ เราจะบัญญัติศัพท์ว่าเป็นอะไร เพราะว่าเป็นบุคคล ที่หายาก มีอีกอย่างหนึ่งที่ไปพูดที่ธรรมศาสตร์คือปฏิวัติ หนังสือพิมพ์บางฉบับมีลงถึงขนาด ว่า รับสั่งถึงการเมืองว่าไม่ควรปฏิวัติ คือพาดหัวว่า “รับสั่งว่าปฏิวัติไม่ดี” ไม่ได้พูดอย่างนั้น (เสียงฮา) แต่ก็ไม่ได้พูดว่าควรปฏิวัติ พูดว่าการยึดอำนาจหรือการปฏิวัติ หรือการเปลี่ยน แปลงให้ดีนั้น เราไม่จำเป็นที่จะทำอย่างรุนแรง มีคำว่า “ถ้า” เวลาเตรียมจะมานี่ก็เอามาก ขีดเส้นใต้คำว่า “ถ้า” ไว้ ถ้าทุกคนช่วยกัน ถ้าทุกคนรู้จักหน้าที่ มีสามัคคีด้วยกัน ก็ไม่ต้อง ปฏิวัติ แล้วก็เปลี่ยนแปลง เราจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างให้ดีขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องปฏิวัติ เชื่อว่าสำเร็จ ในนี้บอกว่า “เชื่อว่าได้ผลแน่” ถ้าไปด่วนบอกว่ารับสั่งว่าไม่ดี ปฏิวัติไม่ดี เดียวผู้ที่เคยปฏิวัติมาแล้วจะหาว่าผู้ที่พูดนี่เป็นคนที่ไม่ชอบปฏิวัติ ไม่ชอบคณะปฏิวัติ ไม่ชอบ คนโน้น ไม่ชอบคนนี้ ที่จริงไม่ได้พูดอย่างนั้น พูดถึงทั่ว ๆ ไป เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่พูด ในเรื่องการเมืองที่ธรรมศาสตร์นั้นไม่ใช่การเมือง เป็นวิชาการเมืองซึ่งเรียกกันว่ารัฐศาสตร์ แล้วก็จุดสำคัญที่พูดที่โน่นแล้วก็ขอมาฝากที่นี่ด้วย ก็คำว่า “พอสมควร” อาจยังไม่เข้าใจกัน ดีว่าทำไมพูดถึงคำพอสมควร พูดว่าพอสมควรเป็นหัวใจของประชาธิปไตย เพราะว่าทุกคน มีเสรีภาพ แต่เสรีภาพนั้นมันเป็นเสรีภาพพอสมควร ถ้าทุกคนอยากมีเสรีภาพสมมุติว่าคนที่อยู่ ในหอประชุมนี้ พูดถึงเฉพาะข้างหน้านี้ เพราะเดี๋ยวข้างหลังท่านจะโกรธ ทุกคนมีเสรีภาพ มีเสรีภาพที่จะนั่งที่นี่ แต่ว่าจำกัดด้วยเสรีภาพของคนอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เราบอกว่าเรามี เสรีภาพ แต่ถ้าลองยืดแขนออกไปอย่างนี้ เสรีภาพนั้นน่ากลัวโดนบั่นทอน เพราะว่าอีก ฝ่ายหนึ่งเขาก็ทำอย่างนี้บ้าง (เสียงฮา) เราก็โดนบันทอนเสรีภาพของเรา เราต้องนึกถึงว่า เสรีภาพของเราคืออะไร เสรีภาพพอสมควรนี่นะคืออะไร เสรีภาพพอสมควรนั้นคือเสรีภาพ ที่เรามี แล้วอยู่ในขอบเขตของเสรีภาพของคนอื่น แต่ละคนมีเขตในเสรีภาพ และเขตนี้จำกัด เขตด้วยเสรีภาพของผู้อื่น ถ้าเราถือว่าเรามีเสรีภาพเต็มที่ 100% เราทำตามชอบใจพอใจของ เรา เราจะต้องเดือดร้อน เราจะคงเสียเสรีภาพของเรา จึงได้บอกว่าพอสมควรนี้เป็นใจกลาง เป็นหัวใจของประชาธิปไตย ถ้าจะยกตัวอย่างอื่นก็มีมากมายหลายอย่าง วันก่อนนี้ยกตัวอย่าง เรื่องเลือกตั้งว่าได้ผลพอสมควร ก็เกิดอากัน แต่ว่าที่บอกวันนั้นว่าเลือกตั้งได้ผลพอสมควร นั้น พอสมควรจริงๆ เพราะว่าถ้าคิดดี ๆ เราแต่ละคนอยากได้ผล 100% ถ้าบุคคลหนึ่งสนับสนุนพรรคหนึ่ง อยากให้ทุกคนลงคะแนนพรรคนั้นหรือบุคคลนั้น เท่ากับเบียดเบียนเสรีภาพของคนอื่น ถ้าคนอื่นเขาอยากให้อีกคนหนึ่งได้รับเลือกก็เป็นคะแนนที่แย้งกันแล้วไม่ได้ 100% การไม่ได้ 100% นี่จะขอให้ถือว่าเป็นเรื่องพอสมควร หมายความว่าเรามีเสรีภาพ ที่จะพูด มีเสรีภาพที่จะลงคะแนน มีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกใครที่เราเห็นว่าควร จึงเป็น สิ่งที่สำคัญมากที่จะต้องยอมรับว่าพอสมควรนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศชาติ สำหรับการ ประชาธิปไตย ทั้งสำหรับชีวิตของทุกคน นี่ก็ได้พูดทั้งหมดที่ได้เตรียมเอาไว้ในกระเป๋านี้แล้ว ก็เกือบชนะธรรมศาสตร์แล้ว (เสียงฮา) อีกนิดหนึ่งก็ชนะ แต่ว่ายังมีอีก เมื่อพูดแล้วก็ขอเลยเถิดไป ตั้งใจจะพูดถึง เรื่องชาติชาย เชี่ยวน้อยอีกที (เสียงฮา) รู้สึกว่าออกจะชอบพูดถึงชาติชาย เชี่ยวน้อย พูดแล้ว ก็เกิดเดือดร้อนทุกที ครั้งก่อนนี้ได้พูดถึงว่าชาติชาย เชี่ยวน้อย งงเต็มทน ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เพราะว่านายบุญเลิศบอกว่าแล้วแต่ในหลวง จึงมาพบที่สวนจิตรเมื่อไม่กี่วันมานี้ ชาติชาย เชี่ยวน้อย มาพร้อมกับพิชัย กุลละวนิชย์ แล้วก็บุญเลิศ แล้วก็เทียมบุญ แล้วก็ เกี่ยว-ชื่ออะไร-บุญอะไร-บุญทั้งนั้น (เสียงฮา) สมบุญ-ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้ นั่นน่ะเขาก็ เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับชาติชายซึ่งมีบุญมาก ชาติชายก็มายืนยันบอกว่า อยากจะชกแก้มือ นายทอร์เรส ก็เลยบอกว่า ให้เข้าใจดีๆ ในคำที่พูด ที่พูดที่ธรรมศาสตร์นั้น มิได้บอกว่า มีประสงค์ที่จะให้แขวนนวม ไม่ได้บอกอย่างนั้น แต่เขาพาดหัวในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ใหญ่เบ้อเร่อว่า “ในหลวงจะให้ชาติชายแขวนนวม” ไม่ได้พูดอย่างนั้น และที่บอกว่า “โปรดเกล้าฯ ให้ชกแก้มือ” ก็ไม่ได้พูดว่าอย่างนั้น ขอให้ไปดูที่จดไว้ ถ้าไม่มีที่จด มาดู ในแฟ้มนี้ได้ ที่พูดนั้นอาจชุลมุนหน่อย เพราะว่าในจิตใจก็ชุลมุน แต่ที่นั้นพูดว่า “ถ้าจะให้แก้มือก็เป็นห่วงมาก เพราะว่าชาติชาย เชี่ยวน้อย ก่อนที่จะไปร่างกายไม่ค่อยจะสมบูรณ์ คราวนี้จะสมบูรณ์ หรือ ไม่สมบูรณ์ก็ไม่ทราบ” เขาก็ประกาศว่าสมบูรณ์ บอกว่า “ก็กลัว เหมือนกัน ถ้าไม่สมบูรณ์แล้วขึ้นไปชกจะตายเอา” นี่เป็นความจริง เป็นห่วง อันนี้เขาก็เข้าใจว่าอยากให้แขวนนวม อีกข้อหนึ่งที่ชาติชายมาพูดเอง บอกว่าต้องพยายามกู้เกียรติ ของตัวและของบ้านเมือง คือว่าเป็นของบ้านเมือง จึงขอให้อนุญาต เท่ากับอนุญาตให้ชกอีก ลงท้ายได้ตกลงกับชาติชายกับผู้ที่มาด้วยพร้อมกับชาติชาย บอกเขาว่าตกลง ถ้าชาติชาย สัญญาจะฟิตตัวให้แข็งแรงให้ดี วางยุทธวิธีให้ถูกต้อง พวกที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ขอให้ช่วย ให้กำลังใจให้ดีที่สุด ให้มีทางที่เข้มแข็งที่สุด แล้วก็ถ้านายแพทย์เห็นจริง ๆ ว่าปลอดภัยก็ยอม ไม่ใช่โปรดเกล้าฯ เราโปรดเกล้า ฯ ไม่ได้ การโปรดเกล้า ฯ ไม่ถูกเพราะว่า ชีวิตของเขา เกียรติของเขา ก็เป็นอย่างนี้ การที่ชาติชายบอกว่าในหลวงรับสั่งว่าให้เป็นทหาร พร้อมที่จะ ไปสู้ที่เวียดนามหรือสู้แม้วแดงนั้น ก็พูดจริง แต่ก็บอกเขาว่า ถ้ากำลังไม่ดีหรือถ้าอย่างไรก็ตาม ไปสู้แม้วแดงก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าการสแม้วแดงนี้ ต้องมีวิชาความรู้ ต้องเป็นทหารที่ ได้ฝึกหัดมาจึงจะสู้ได้ จึงจะไปเวียดนามหรือจะไปสู้แม้วแดง ทีนี้มาเรื่องแม้วแดง ขอฝาก ข้อสังเกตนิดหน่อยว่า แม้วแดงนี้ไม่ได้เป็นแม้วแดงทั้งนั้น แม้แต่แม้วแดงก็ไม่ใช่แดง ส่วนมากยังนับได้ ที่บริเวณภูลำโล เข้าใจได้ว่ามีแม้ว ที่อยู่แถวนั้นทั้งหมดประมาณเจ็ดร้อย แปดร้อย ที่เขาเรียกว่าแม้วแดงมีประมาณสองร้อย แต่แม้วแดงจริงๆ ที่แดงโร่ที่แดงแท้ ๆ เข้าใจว่ามีสี่คนเท่านั้นเอง แต่ว่าการที่แม้วเหล่านี้ กลายเป็นแม้วแดงก็มีเหตุผล มีเหตุผลว่าเขาอยู่บนภูเขา แล้วก็มีแม้วแดงแท้ ๆ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นแม้วก็ได้ อาจเป็นชาติอื่น อาจเป็นไทยก็ได้ อาจเป็นญวนก็ได้ อาจเป็นลาวก็ได้ มา แล้วมาบอกว่า ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง คนนั้นนะ ไม่ดี เข้าข้างพวกโจร พวกโจรหมายถึงรัฐบาล แล้วก็เมื่อพูดอย่างนั้น พวกแม้วต่างๆ ก็ต้องบอกว่าขอให้พิสูจน์ เสร็จแล้วต่อไป แม้วคนนั้นที่เป็นผู้ใหญ่บ้านก็เข้ากับรัฐบาลจริง ๆ แต่ก็เป็นนกสองหัว ก็เข้าทางฝ่ายแดงเหมือนกัน ทั้งสองอย่าง ทางฝ่ายแม้วที่เป็นแม้วธรรมดา ไม่ใช่เป็นแดงแต่โดนยุจากพวกแดง ก็บอกว่าต้องฆ่า เขาต้องฆ่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด รวมทั้ง แม้วแดงคนนั้น ที่เป็นคนไม่ดี เขายกพวกมาฆ่าเจ้าหน้าที่ที่ทับเบิกหรือที่ไหนใกล้ ๆ กันนั้น แม้วคนนั้นไม่อยู่ ผู้ใหญ่บ้านไม่อยู่ ตกลงฆ่าเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจทั้งพวกพัฒนาสิบคนตาย นี่น่ะเป็นเริ่มต้นของศึกภูลำโล แล้วลงท้ายทางฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ต้องเข้าไปปฏิบัติการ พวกแม้วที่โดนยุแหย่ก็บอกว่า เจ้าหน้าที่นี้เบียดเบียนเรา ก็จับอาวุธ อาวุธของตัวตามที่สำรวจแต่เดิมในบริเวณนั้นมีปืนประมาณ 200 กระบอก แล้วกระสุนไม่มาก โดยมากเป็น ปืนลูกซอง ปืนลูกธรรมดา ปืนลูกกรด หรือพวกปืนที่ทำเอง แต่ทำไมมาตอนหลังมาเป็นปืนอาร์กาทั้งนั้น ปืนอาร์กาหมายถึงปืนกลมือแบบของรัสเซียที่สร้างในจีนแดง แล้วมีจริง ๆ เพราะว่าเขาเก็บปลอกกระสุนปืนอาร์กาบนที่บริเวณภูขี้เถ้าได้ ได้เห็นเอง ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่แน่นอน นี่นะเป็นสิ่งที่อยากฝากเอาไว้ว่าแม้วแดงนี้ไม่ใช่แม้วแดงทั้งนั้น แต่ว่าการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง หรือปฏิบัติที่จะเรียกว่าผิดจังหวะของเจ้าหน้าที่ก็ตาม เคราะห์ร้ายก็ตาม อาจทำให้แม้วเหล่านี้เป็นแม้วแดงได้ เราป้องกันได้โดยที่เราทุกคนช่วยกันคิดวิธี นี่ท่าจะชนะธรรมศาสตร์แล้ว รู้สึกว่าพูดมาเป็นเวลานาน เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาทีแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะปฏิบัติการทางดนตรี แต่ว่าขอบอกว่าเขาเตรียมดนตรี เตรียมเพลงมาจำนวนจำกัด ถ้ารายการไม่ครบถ้วน ไม่สนุก ก็ต้องจัดการเอง หมายความ ว่าถ้าจะปฏิวัติกัน เดินขบวนกันขึ้นมาแล้ว ทางดนตรีเขากลัว เขาก็จะเล่น แล้วก็มีอีก ข้อหนึ่ง ตามปรกติที่ไหน ๆ เขามีโฆษกกัน อย่างที่จุฬาก็มีโฆษก โฆษกของเขาเวลาขึ้นไป ก็รู้ว่าใครเป็นโฆษก ไปที่ธรรมศาสตร์โฆษกของเขาต้องเลือกกัน ไปที่เกษตรศาสตร์โฆษกของเขาเตี๊ยมอาไว้าแล้ว บางทีก็ซ้อมมา ที่นี่มีข่าวแว่ว ๆ ว่าเตรียมทีเด็ดไว้ คือว่าที่ธรรมศาสตร์เราเลือกโฆษกคนหนึ่ง แล้วโฆษกบอกขอตัวว่าร้องเพลงไม่เป็น ไม่รู้จักเพลง ไม่รู้จักเล่นเพลง แต่ที่นี่ได้ทราบว่าเตรียมโฆษกแล้ว และโฆษกนั้นน่ะเตรียมที่จะร้องเพลงเสียด้วย (เสียงฮาและปรบมือ) ไม่ทราบว่าจะร้องเพลงในท่าไหน หมายความว่าจะทำให้ เหมือน--- ที่กำลังสำรวจอยู่เดี๋ยวนี้นะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เขากำลังสำรวจว่านักศึกษาชายมี ความเห็นยังไงเรื่องกระโปรงสั้นของของผู้หญิง อาจขึ้นมาแสดงท่าว่า ถ้าแต่งกระโปรงสั้น ๆ แล้วก็ร้องเพลง แล้วก็ทำตัวเป็นยึกยือ มันจะน่าดูยังไง นักศึกษาชายจะได้พิจารณาได้ ไม่ทราบว่าลงคะแนนกันแล้วหรือยัง ถ้าลงคะแนนเดี่ยวเปลี่ยนใจจึงต้องขอให้ระมัดระวัง ยังไม่ ทราบว่าโฆษกอย่างนี้มีจริงหรือเป็นข่าวที่ล้อเท่านั้นเอง แต่ว่าน่าเสียวไส้มาก (เสียงฮา) ต้องดู ว่าโฆษกนั้นนะจะมีจริงหรือไม่จริง ขอให้แสดงตัว ถ้ามีจริงให้มารับหน้าที่ทันที่เดี๋ยวนี้ เพราะ ว่าหมดพุงแล้ว (เสียงปรบมือ) (โฆษก (คุณหญิงอุบล หุวะนันท์) แสดงตัวแล้ว เริ่มรายการแสดงดนตรี และก่อนจบ รายการดนตรี โฆษก กราบบังคมทูลขอพระราชทานเพลงประจำวิทยาลัยวิชาการศึกษา) สำหรับเรื่องสุดท้ายที่ขอเพลงสำหรับประจำวิทยาลัยการศึกษาเป็นความดำริที่ดี แต่ว่า สำหรับเรื่องเพลงนี้ลำบาก พูดอยู่เสมอว่าใครขอเพลงสำหรับสถาบันก็อยากจะให้ แต่ว่า บางที่ไม่มีเวลาที่จะทำ หรือบางทีก็ไม่เกิดความคิดที่จะทำ คราวนี้ความยุ่งยากอยู่ที่ว่าต้องเข้า คิวกัน อย่างที่ได้แล้วก็มีมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ แล้วก็ธรรมศาสตร์ แล้วก็เกษตรศาสตร์ ระหว่างเวลาที่สองเพลงต่อกันนั้นนะ เป็นเวลาตั้งหลายปี ตอนนี้เข้าคิวกันแล้วศิลปากรก็ขอ ที่อื่นก็เคยขอ อยากจะทำพิธีอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งเพลงประจำหน่วยนาวิกโยธิน คือจับสลากเลย ถ้าทำอย่างนั้นอย่าน้อยใจเพราะว่าเข้าคิวกันเยอะ แม้แต่ตำรวจภูธรก็ขอ คือว่าตำรวจภูธรนี่ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรได้มาบอกว่า บัดนี้ตำรวจภูธรได้มีบทบาทมากพอแล้ว พอใช้แล้ว ที่ได้รักษาความสงบของประเทศ ก็นับว่าควรจะยกย่องและควรจะรางวัลให้เป็นเกียรติบ้าง ซึ่งที่จริงก็เห็นด้วยเหมือนกัน เขาก็ทำงานหนักหมู่นี้ บอกว่า ถ้าเรื่องเพลงเห็นจะต้องรอนานหน่อยอาจเป็นว่าชุดนี้ออกไปปฏิบัติงานแล้วจึงจะได้รับ ก็อย่าว่า เพราะเข้าคิวกันมาก มีอีกเรื่อง เรื่องแจกันนี้ เมื่อกี้ได้แจกันมาก็ดีใจ นึกว่าจะขอ ดอกไม้มาใส่ ก็ได้ดอกไม้ได้พอดี แต่รู้สึกว่าถ้าใส่ดอกไม้ช่อนั้นลงไปในแจกันจะไม่สมดุล เพราะว่า ดอกไม้ดูจะเล็กเกินไป เลยต้องเอาไปอย่างนี้ แต่ถ้าแถวนี้มีดอกไม้โต ๆ สำหรับ แจกันก็ดี เพราะว่าจะต้องไปเยี่ยม เยี่ยมทั้งสอง แล้วก็ถ้าสอง แล้วเดี๋ยวจะเกิดน้อยใจ เอาไว้สาม เป็นสามดีกว่า แจกันใหญ่ ๆ แล้วก็ใส่ดอกไม้นะ สำหรับคนที่เจ็บ ที่พูดไม่ออก แล้วก็ช่อดอกไม้นั้น ดูหรูหราที่เหมาะสมสำหรับพระราชินี ถ้าขอบิณฑบาตอีกสักดอกเล็ก ๆ แจกันเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่ได้พยาบาลผู้ที่พูดไม่ได้ หาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แล้วทีนี้ก็เรื่องเงินสำหรับสมทบในทุนภูมิพลนี้ ก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้บริจาค ที่จริง ก็ทราบดีว่าทุนนี้เพื่ออะไร ก็ไม่ต้องอธิบายยึดยาว ที่ตั้งทุนเอาไว้ก็เพื่อที่จะให้คนเขามาสมทบ ทุนด้วย เพราะว่าเห็นว่าวิทยาลัยการศึกษาทั้งห้าแห่งมีความสำคัญมากสำหรับประเทศชาติ มีเกียรติมาก แล้วก็เป็นการทำงานที่จะต้องใช้ความคิดที่ดี ความเข้มแข็ง ความเสียสละ ก็เข้าใจว่าจะ มีผู้ช่วยเหลืออีกมาก จึงได้ตั้งทุนนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยในการศึกษาของผู้ที่ สมควรที่จะสนับสนุน ก็น่าชื่นชมที่สุด ขอขอบใจในการต้อนรับที่ดี แล้วก็อย่างที่โฆษิกาว่า ให้มีคราวหน้า ก็ขอยืนยันว่ามี จะมีคราวหน้า (เสียงปรบมือ) ถ้าหากเชิญมา (เสียงปรบมือ) ก็ขอลา แล้วก็ขอบใจ ขอให้ทุกคนมีความสุขสวัสดี”,อ่านต่อ



จำนวนการเข้าชม :  149 ครั้ง

พระสุรเสียงที่มีเนื้อหาคล้ายกัน