“การพัฒนาชนบทเป็นเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องที่ใหญ่อยู่ จึงสมควรที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ได้มาสัมมนา มาปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด การสัมมนาทางวิชาการเพื่อให้ทราบว่าควรจะทำอย่างไร ปัญหาในการพัฒนาชนบทนี้ก็ต้องนึกถึงว่าทำทำไม ทำอย่างไร และทำที่ไหน เมื่อไร คำถามเหล่านี้เป็นคำถามสำหรับทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เราจะทำ เราควรต้องตั้งปัญหาหรือคำถามที่เรียกว่า “พื้นฐาน” เป็นเบื้องต้นก่อน เพราะโดยมากเวลามาพูดกันในทางวิชาการ มักชอบแต่พูดกันแต่ในทางรายละเอียด ซึ่งที่จริงจะต้องพิจารณาในส่วนรวมก่อนทำเมื่อไรนั้นตอบได้ง่ายที่สุด เพราะว่าเป็นการเร่งรัดพัฒนา จึงต้องบอกว่าทำเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ทำเมื่อมาพิจารณาแล้วถึงจะทำ เพราะว่าเวลานี้มีความจำเป็นที่จะเร่งรัด ทำที่ไห...น ก็อยู่ในชื่อของพัฒนาชนบทแล้ว ทำตามชนบท ทำอย่างไร อันนี้เป็นสิ่งที่ยังมีปัญหามาก ทำทำไม อันนี้เป็นเรื่องว่าปรกติสำหรับเราซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องปกครองและจะต้องให้ความเจริญแก่บ้านเมือง “ทำไม” นี้ไม่ควรจะมีปัญหานัก แต่ก็เกิดปัญหาเหมือนกัน เพราะว่าการที่นำความเจริญการพัฒนาไปสู่ชนบท หมายถึงไปสู่ประชาชนในชนบทนั้น มีเหตุผลหลายประการ เหตุผลใหญ่ที่สุด เหตุผลแรกก็คือมนุษยธรรม คือความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ในประเทศเรา ซึ่งถ้าพูดถึงทางหนึ่งก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ ถ้าพูดอีกทางหนึ่งก็เป็นผู้ที่เรารู้ว่าอยู่ในความแร้นแค้น ก็ถ้าเรามีเมตตาแล้ว จำเป็นที่ทางราชการซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้มากกว่า เป็นผู้ที่มีฐานะดีกว่า ควรจะไปช่วย แต่มนุษยธรรมนั้นกินกันไม่ได้และก็ออกจะเรียกว่าเป็นอุดมคติชั้นสูงมาก จะไปขอให้ทุกคนทำทุกอย่างด้วยมนุษยธรรมเท่านั้นเองอาจไม่ได้ทั้งเจ้าหน้าที่ไทยทั้งเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่มาเร่งรัดพัฒนานั้นก็ทำด้วยมนุษยธรรมเป็นผลพลอยได้ แต่ว่าก็ทำด้วยหน้าที่ของตัวด้วย อย่างเจ้าหน้าที่ต่างประเทศที่มาช่วยเราในขณะนี้ ก็เพราะว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลของเขาที่จะมาช่วยการพัฒนาประเทศของเรา มีเหตุผลทางการเมืองและในทางการปกครอง เพราะว่าสำหรับเจ้าหน้าที่ต่างประเทศนั้นรัฐบาลเขาต้องมาช่วยเราเพราะเขาถือว่าเราเป็นพันธมิตร และถ้าเรามีความหายนะเขาจะเดือดร้อนไปด้วย จึงเป็นนโยบายของรัฐบาลเขา นโยบายของรัฐบาลไทยก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราไม่ไปช่วยพัฒนาในชนบท เรา ประเทศไทยก็ต้องหายนะไปด้วย จึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปพัฒนา อันนี้เป็นเหตุผลแรกของทำไม เหตุผลที่สองที่จะต้องพัฒนาชนบทนั้นก็คือเพื่อความปลอดภัยของบ้านเมือง เพื่อความก้าวหน้านอกเหนือจากมนุษยธรรม เพราะว่าถ้าบ้านเมืองเราเจริญ มีความมั่นคง ก็ทำให้เราอยู่ได้ ทั้งผู้ที่อยู่ในกรุง ทั้งอยู่ในเมือง ทั้งผู้ที่มีฐานะดี หรือฐานะปานกลางก็อยู่ได้ เพราะว่าประเทศมีความสงบสุข มีความมั่นคง ความมั่นคงที่เป็นปัจจัยสำคัญคือความมั่นคงของประชาชนทั่วไปในชนบท เพราะว่าประชาชนในชนบทเป็นประชาชนส่วนใหญ่ เป็นประชาชนส่วนรวม และประชาชนส่วนรวมหรือประชาชนทั้งหมดนั้นคือชาติ เราจึงต้องปฏิบัติให้ชาติคือให้ประชาชนในส่วนรวมมีความมั่นคงเพื่อเราจะอยู่ได้ นี่เป็นเหตุผลที่สองที่เราจะต้องพัฒนา นโยบายของรัฐบาลที่จะพัฒนาก็คือนโยบายของรัฐบาลที่จะรักษาประเทศ นโยบายที่จะรักษาประเทศนั้น เป็นหน้าที่สำคัญอันหนึ่งหรืออันเดียวของรัฐบาล รัฐบาลเป็นผู้ที่รักษาส่วนรวมให้ดำรงอยู่ด้วยวิธีต่างๆ ถ้ามีการรุกเข้ามาด้วยอาวุธเราก็ต้องรบ ถ้ารุกเข้ามาด้วยการแทรกซึมเราต้องทำให้บ้านเมืองมั่นคง คือทำให้บ้านเมืองมั่นคง ด้วยการพัฒนาชนบท ด้วยการพัฒนาให้ประชาชนทั่วไปมีความอยู่ดีกินดี มีความมั่นคง ต้องทำจึงจะสำเร็จประโยชน์ สำเร็จจุดประสงค์นี้ วิธีที่จะทำนั้นคืออย่างไร อันนี้เป็นปัญหาสำคัญ ที่เห็นแผนพุทธเจดีย์นั้นก็ดูสวยดีว่าเป็นเจดีย์ รูปร่างเป็นเจดีย์มั่นคงดี พื้นฐานกว้างแล้วยอดแหลมขึ้นไป นำมาเปรียบเทียบกับงานพัฒนาก็ดูรู้สึกว่าทำให้น่าเลื่อมใสดี แต่ว่าวิธีการที่จะทำบางทีจะเอามาเปรียบเทียบง่ายๆ อย่างนั้นไม่ได้ เช่นถ้ายกตัวอย่างในแผนตอนพื้นฐานนั้น มีตัวอย่างว่าจะต้องสร้างถนน สร้างชลประทานสำหรับให้ประชาชนใช้ สำหรับให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปปฏิบัติการได้ คือไปช่วยประชาชนในทางบุคคลหรือในทางที่จะพัฒนาให้บุคคลมีความรู้และอนามัยแข็งแรงด้วยการให้การศึกษาและการรักษาอนามัย ขั้นที่สามถึงยอดนั้นก็คือการให้ประชาชนในท้องที่สามารถทำการเพาะปลูก หรือทำการงานและค้าขายได้ สามขั้นนี้อาจต้องกลับหัวกันบ้างก็ได้เพราะว่าเหตุการณ์ต่างๆ ไม่เหมือนกัน แล้วแต่ท้องที่แล้วแต่บุคคลที่เราจะไปช่วย จะยกตัวอย่างเช่นว่า การสร้างถนนนั้นอาจไม่ใช่เป็นวิธีการพื้นฐานที่จะทำ เพราะว่าได้เคยประสบมาแล้วว่าการสร้างถนนก่อนแล้วไม่ได้นำสิ่งของที่อยู่บนยอดเจดีย์ไปให้ทันทีจะกลับทำให้ได้ผลตรงกันข้าง ในภาคอีสานมีบุคคลหนึ่งเป็นชาวต่างประเทศที่มีความรู้ดีได้ไปเยี่ยมตามชนบทแล้วก็มาเล่าให้ฟังว่าไม่สร้างถนนเสียดีกว่า เพราะว่าสร้างถนนแล้วแทนที่จะเอาความเจริญไปให้เขากลับไปดูดจากเขาออกมาจึงทำให้เกิดการก่อการร้าย ข้อนี้ฟังเขาพูดแล้วก็อาจไม่เชื่อ เพราะว่าไม่น่าเชื่อว่าสร้างถนนแล้วจะไม่ดี สร้างถนนแล้วก็ควรจะทำให้เราสามารถเข้าไปแนะนำทำให้ชาวบ้านที่อยู่ข้างในสามารถนำสินค้าออกมาขายได้ราคาดีกว่า ข้อนี้อาจจริงแต่ว่าก็มีข้อสำคัญซึ่งถ้าเราไม่ได้ปฏิบัติทันทีจะเกิดหายนะจริงๆ เหมือนกัน ได้เห็นด้วยตัวเองที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดเพชรบุรีว่า ถ้าสร้างถนนเข้าไป ถนนนั้นทำให้ชาวบ้านที่อยู่ข้างในสามารถขายสินค้าได้ราคาดีกว่า หมายถึงว่าได้กำไรสำหรับการผลิตของเขามากขึ้นจริง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีสิ่งอื่นที่เข้าไปด้วยคือความอลเวง มีผู้ที่มีอิทธิพลมีเงินหรืออาจเป็นผู้ที่เป็นฝ่ายก่อการร้ายเข้าไปซื้อที่ดินไปซื้อที่ข้างถนน และไปซื้อในราคาที่ชาวบ้านอาจพอใจ แต่ลงท้ายก็ทำให้ชาวบ้านนั้นต้องมีทางออกเป็นสองทาง ทางหนึ่งคือทำงานให้แก่ผู้ที่เป็นนายทุน รับจ้างทำงานเป็นวันๆ ซึ่งกลับเป็นการถอยหลังเข้าคลอง หรือมิฉะนั้นก็เร่ร่อนไปที่อื่นด้วยเงินที่ขายที่ดินได้มาโดยหวังว่าจะไปทำกินที่อื่น คือเข้าไปลึกเข้าไปในป่า ไปถากถางที่แล้วทำมาหากินต่อไป ที่มีหวังจะเป็นไปด้วยดีก็มีบ้างแต่ว่าจะมีหวังเป็นไปด้วยไม่ดีเสียมากกว่า เพราะการทำมาหากินจะแร้นแค้นยิ่งขึ้น เงินทองก็หมดไป ทั้งเกิดปัญหายุ่งยากขึ้น ที่ยกตัวอย่างนี้ก็ที่เห็นเมื่อไปหัวหิน การสร้างถนนของตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ได้สร้างด้วยความร่วมมือของกรมทางเข้าไปถึงหมู่บ้านชื่อห้วยมงคล และต่อไปแยกไปที่หนองพลับ ก็มีคนที่ขายที่ดินแล้วพวกที่ขายที่ดินต้องไปหาที่ดินต่อไป เข้าไป ข้ามภูเขาไป เข้าไปที่ต้นแม่น้ำปราณก็ที่บริเวณต้นแม่น้ำปราณนั้นกะเหรี่ยงอยู่ เราพยายามจะให้กะเหรี่ยงที่อยู่ที่นั้น ให้อยู่เป็นหลักเป็นฐานไม่เร่ร่อนไม่กลายเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้าย ครอบครัวจากข้างนอกห้าครอบครัวเข้าไป ไม่ได้เข้าทำความยุ่งยากอย่างเปิดเผย ไม่ได้ทำความเดือดร้อนแก่กะเหรี่ยง กะเหรี่ยงนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาจ้างกะเหรี่ยงให้ไปทำไร่บ้างให้ไปมุงหลังคาให้บ้างแต่ในการจ้างนั้น ขอให้ทราบว่าไม่ได้จ้างด้วยเงิน ให้เหล้าเถื่อน ให้ไปพนัน ให้ไปทำสิ่งที่เป็นอบายมุขต่างๆ ซึ่งนำความอลวนสู่กะเหรี่ยงและบริเวณนั้น ซึ่งก็อาจกลายเป็นบริเวณก่อการร้ายอย่างร้ายแรงที่สุดไปก็ได้ ผลก็คือ ต้นแม่น้ำปราณซึ่งเป็นป่าสงวนนั้นก็จะกลายเป็นสนามรบ ซึ่งอาจต้องไปทิ้งระเบิดปูพรม อย่างที่คนบางคนเขาอยากให้ทำแก่ผู้ก่อการร้าย แล้วก็จะทำให้เกิดเสียหายในบริเวณนั้น ไม่เป็นการรักษาต้นน้ำลำธาร โครงการแม่น้ำปราณที่กำลังทำอยู่ก็อาจล้มเหลวไป เดี๋ยวนี้ก็อาจช้าไปมากแล้ว ผลของความไม่เรียบร้อยสะท้อนไปไกล ทีนี้ก็มาพูดถึงว่าการให้ความต้องการพื้นฐานอย่างที่ว่าให้ถนนหรือชลประทานเป็นเบื้องต้นนั้นอาจทำให้เสียหายก็ได้นึกถึงกะเหรี่ยงแล้วก็บอกได้ว่าได้คัดค้านเอาไว้แล้ว เมื่อเดือนที่แล้วมีผู้ที่บอกว่าควรจะสร้างถนนจากหนองพลับข้ามภูเขาเข้าไปหากะเหรี่ยงซึ่งก็นับว่าเป็นทางที่พอจะทำได้ คือพอที่จะนำแทรกเตอร์เข้าไปถากถางให้กะเหรี่ยงได้ในที่ที่สมควรจะทำเป็นไร่ ที่คัดค้านไม่ให้ทำถนนและคัดค้านไม่ให้ขนแทรกเตอร์เข้าไป เพราะมีเหตุผลหลายอย่าง ไม่สร้างถนนเพราะว่า แม้จะไม่ได้สร้างถนนครอบครัวห้าครอบครัวก็เข้าไปแล้ว ถ้าสร้างถนนก็จะเข้าไปเต็มที่ไม่ให้ทำถนนเพื่อที่จะนำแทรกเตอร์เข้าไปก็มีผู้เสนอให้ขอทางฝ่ายกองทัพอเมริกันนำเฮลิคอปเตอร์มายกเข้าไป เพื่อที่จะเข้าไปถากถาง แล้วที่คัดค้านนั้นเพราะว่าทราบดีว่ากะเหรี่ยงไม่รู้จักแทรกเตอร์นัก ถ้านำแทรกเตอร์เข้าไป แม้จะได้ผลดี ก็จะทำให้พวกกะเหรี่ยงจะเห็นว่าแทรกเตอร์นี้ดี มือของตัวเองนั้นไม่ดีลงท้ายจะไม่ทำงานด้วยมือของตัว ที่เข้าไปที่ป่าละอูนั้นนำจอบเสียมไปให้แก่กะเหรี่ยง ให้กะเหรี่ยงเหล่านั้นรู้จักใช้มือ รู้จักใช้จอบเสียมก่อน จริงอยู่ในการเร่งรัดพัฒนามีโครงการว่าให้ใช้เครื่องมือทุ่นแรงที่ทันสมัย แต่ว่าจอบเสียมนั้นก็อย่าให้ถือว่าพ้นสมัยแล้ว เพราะว่าคนเราทุกคนจะมีรถแทรกเตอร์ไม่ได้นอกจากนายทุน แล้วนายทุนนั้นที่เข้าไปนั้นเขาไม่คำนึงถึงชาวบ้านธรรมดา คนที่อ้างว่าคำนึงถึงชาวบ้านธรรมดา ก็เพียงแต่อ้างว่าจะมาปลดแอกชาวบ้าน ลงท้ายชาวบ้านก็ทำอะไรไม่ได้ การที่ไม่ให้เอาแทรกเตอร์เข้าไปแต่เอาจอบเสียมไปให้แทนนั้นได้พิสูจน์ว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องเมื่อไปอีกแห่งหนึ่งคือหมู่บ้านในอำเภอเขาย้อย เข้าไปถามผู้ใหญ่บ้านและกำนันว่าทำไมทำการเพาะปลูกหมุนเวียน คือหมายถึงว่าหมุนเวียนที่ดินไม่ใช่หมุนเวียนพืชพันธ์ุ ปีนี้ทำแห่งหนึ่งปีต่อไปย้ายต่อไปอีกแห่งหนึ่ง อีกปีย้ายไปอีกแห่งหนึ่ง ปีที่สามกลับมาที่เดิม เขาบอกว่าปลูกข้าวปีนี้ที่นี่แล้วปีหน้าปลูกไม่ได้เพราะมีหญ้าขึ้น ก็ถามเขาว่าทำไมไม่ถอนหญ้าไม่ปราบหญ้าเพื่อที่จะปลูกอย่างอื่นได้ เขาบอกว่าพวกเราคนจนไม่มีปัญหาที่จะถอนหญ้า คำตอบนี้หมายความว่าอะไร คำตอบนี้หมายความว่า เขานึกว่าการถอนหญ้านั้นต้องใช้แทรกเตอร์ เพราะว่าเขาเห็นที่ไร่ส้มที่อยู่ใกล้ๆ กิโลเมตรสองกิโลเมตรเขาใช้แทรกเตอร์ ชาวบ้านเขาไม่มีแทรกเตอร์เพราะว่าเขาเป็นคนจน เขาก็เลยไม่มีปัญญาที่จะไปถอนหญ้า เพราะเขานึกว่าการถอนหญ้านั้นต้องใช้แทรกเตอร์มาไถชาวบ้านเหล่านั้น ซึ่งเป็นกะเหรี่ยงเหมือนกัน เขาเห็นความก้าวหน้าของการพัฒนาว่า ถ้าเจ้าหน้าที่อยากให้เขาพัฒนา ถ้าเจ้าหน้าที่อยากให้เขาก้าวหน้าแผนใหม่ ต้องเอาแทรกเตอร์มาให้เขา ก็เลยไปที่ไร่เขาบอกว่ายังสงสัย ขอคัดค้านนิดหน่อย สงสัยว่าถ้าขยันไปถอนหญ้าแล้วก็ปลูกอย่างอื่นเราก็จะหายจนไปได้เหมือนกัน ไม่ใช่เพราะเป็นคนจนถึงถอนหญ้าไม่ได้ แต่เพราะว่าขี้เกียจ เพราะว่าไม่สามารถที่จะหอบร่างของตัวไปที่ไร่แล้วไปจับหญ้านั้นถอนขึ้นมาได้ง่าย เขาก็ทำหน้าประหลาดแล้วก็ร้องแหะๆ ไม่ทราบว่าเขาจะทำหรือไม่ทำต่อไป แต่เชื่อว่าถ้าเอาแทรกเตอร์เข้าไปในที่ที่ไม่เคยมีแทรกเตอร์ ทำถนนเข้าไปในที่ที่ไม่มีถนน อาจเกิดผลร้ายก็ได้ถ้าไม่จัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้พร้อมด้วย การจัดสรรที่ดินซึ่งอยู่ในขั้นสูงกว่าการสร้างถนนนั้นต้องทำก่อน เพราะว่าที่เขาย้อยนั้นมีคนถวายฎีกา แล้วก็ได้เห็นเองด้วยว่า เมื่อถอนสภาพจากป่าสงวนแล้วมีโฉนดปาฏิหาริย์ขึ้นมา คือนายทุนได้ไปไล่ชาวบ้านที่เคยอยู่ที่นั้นมาเป็นชั่วโคตร ไปบอกว่าที่นี่มีโฉนดแล้วหรือมีใบสำคัญแล้ว ให้ออกไปจากที่นั้น คราวนี้ก็เป็นปัญหาว่า เขามีใบสำคัญถูกต้องตามกฎหมายเพราะว่าเจ้าหน้าที่ได้ออกให้ แต่ว่าไม่ได้คำนึงถึงหลักมนุษยธรรมว่ามีคนอยู่ในนั้นมาแล้วตั้งแต่ชั่วปู่ ข้อนี้ที่เป็นข้อสำคัญ ป่าสงวนเดิมก็เป็นป่า คือมีต้นไม้มีสัตว์ป่า ซึ่งมีกฎเกณฑ์ตามกฎหมายในการที่จะเข้าไปทำประโยชน์อย่างไร แต่กฎหมายไม่ได้พูดถึงมนุษย์ที่อยู่ในป่า ไม่ได้พูดว่ามนุษย์ที่เขาไปทำมาหากินโดยที่ไม่รู้ว่ามีกฎหมายคุ้มครองนั้นจะว่าอย่างไร เวลายกสภาพจากป่าสงวนเป็นที่เปิดแล้วก็หมายความว่าเปิดให้จับจองมนุษย์ด้วยเหมือนกัน ก็ผิด ผิดหลัก แต่ว่าไม่ได้อยู่ในกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดให้คนเข้าไปจองได้แล้วคนก็ไปจองคน ไล่คนออกไป ไปรังแกเขาต่างๆ อย่างนี้ก็เกิดเป็นการก่อการร้าย ที่เขาย้อยนั้น หมู่บ้านที่เราไป หัวหน้าผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งมาจากป่ามาอยู่ที่หมู่บ้านนั้น เราเข้าไปก็นับว่าไปในดงของผู้ก่อการร้าย แต่ว่าคนนั้นออกไปเพราะว่าถูกรังแก ถูกยึดที่ดิน อันนี้เราจะไปช่วยในทางกฎหมายอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าที่ดินนั้นเป็นที่ดินว่างเปล่าจริงๆ เพราะวิธีของชาวบ้านที่ปลูกปีนี้แห่งหนึ่ง ปีหน้าอีกแห่งหนึ่ง ปีต่อไปอีกแห่งหนึ่ง แล้วก็กลับมาที่เดิม ในปีที่สาม ที่อีกสองแปลงที่ไม่ได้ทำอยู่นั้นจึงว่าง ตามกฎหมายก็ว่าว่างเปล่าเพราะไม่ได้ทำประโยชน์อะไร แต่สำหรับชาวบ้านที่นั่นเขาถือว่าเป็นที่ของเขาที่เขาต้องใช้อย่างนั้น มิฉะนั้นดินมันจืด มิฉะนั้นปราบหญ้าไม่ไหว ปราบหญ้าหลังจากสามปีปราบง่ายกว่า เขาเผาง่ายกว่า นี่เป็นปัญหาต่างๆ ซึ่งอยู่ในกฎหมายบ้างไม่ได้อยู่ในกฎหมายบ้าง เป็นหน้าที่ผู้ที่สนใจในเรื่องเร่งรัดพัฒนาให้สามารถที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เคยไปบอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งนายอำเภอ ทั้งตำรวจ ให้เจ้าหน้าที่ต่อต้านการใช้กฎหมาย บางทีกฎหมายสนับสนุนผู้ที่จะไปเบียดเบียนประชาชน และก็เชื่อว่าถ้ายอมทำผิดกฎหมายด้วยการใช้หลักของมนุษยธรรมแท้ๆ หลักของเมตตา หลักของการปฏิบัติเพื่อส่วนร่วมจริงๆ ก็มีสิทธิ์ แต่ว่าปัญหาสำคัญที่สุดในการพัฒนาชนบทก็คือเรื่องเครื่องมือ เครื่องมือจำนวนมหาศาลนี้ต้องใช้ให้ถูกต้อง ทั้งเครื่องมือทุ่นแรงทั้งวิธีการที่ก้าวหน้า ถ้านำไปใช้ถูกหลักถูกต้องตามกฎเกณฑ์และหลักของมนุษยธรรมของเมตตา ก็ไม่เป็นไร แต่บางทีเพราะงานเร่งรัดพัฒนานี้เป็นงานที่เรียกว่า “แหวกแนว” ใหม่ กฎเกณฑ์ต่างๆจึงไม่ชัด อาจไม่รู้ว่าจะใช้กฎเกณฑ์ที่ไหน แล้วก็ผิดพลาดไป ผิดพลาดไปโดนสอบสวนก็เกิดเรื่องใหญ่เพราะว่าถ้าเราทำถูกหลักมนุษยธรรม ประชาชนเขาจะนิยม แต่ว่าบางทีการทำตามหลักมนุษยธรรมก็จะขัดต่อหลักราชการ ก็จะอลเวงสอบสวนกันใหญ่ การทำผิดพลาดกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับด้วยเจตนาดีนั้นไม่ว่า แต่บางทีมีคนที่อ้างว่าเพราะโง่เขลาเบาปัญญาจึงทำผิดกฎเกณฑ์ไป แต่ถ้าทำให้เสียหายต่อส่วนรวมก็ลำบากหน่อย เพราะว่าผู้ที่ปฏิบัติตามโครงการตามแผนของเร่งรัดพัฒนานั้น ก็นับว่าเป็นท่านที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ไม่ควรจะโง่เขลาเบาปัญญาถึงปานนั้น ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั้นคือจะต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพราะว่าเร่งรัดพัฒนานี้อย่างว่าไว้มีกฎเกณฑ์ที่แหวกแนว บางทีก็ต้องทำผิดหลักของระเบียบของทางราชการบางอย่างเพื่อความเร็วและเร่งรัด บางทีก็ผิดแผน แต่แม้จะผิดแผนก็ต้องทำ บางเวลาก็ต้องใช้หลักมนุษยธรรม ใช้หลักเมตตา ใช้หลักความบริสุทธิ์ใจแท้ๆ ถึงจะทำงานได้ดี การทำผิดพลาด ถ้าทำความผิดพลาดด้วยความบริสุทธิ์ใจก็ดี ถ้าไม่ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เป็นผู้ทรยศต่อชาติ เพราะว่าถ้าการเร่งรัดพัฒนาเป็นงานสำคัญที่ถึงจุดถึงประชาชน ถ้าทำเสียเท่ากับฟันรั้วทิ้งไป ทำให้ศัตรูเข้ามาในบ้านได้ทำให้บ้านเมืองล่มจมได้ ถ้าเราทำอย่างนี้เราไม่มีสิทธิ์เลยที่จะทำให้การเร่งรัดพัฒนาล้มไป ผู้ใดทำให้การพัฒนาทั่ว ๆ ไป ล้มลงมาผู้นั้นเป็นผู้ทรยศ การที่พูดนี้อาจเรียกว่ารุนแรงไปหน่อย ทำไมผู้ที่คัดค้านการพัฒนาเป็นผู้ทรยศ ก็เพราะว่าในเวลานี้บ้านเมืองของเราอยู่ในที่คับขัน ถ้าเราทำอะไรให้เปิดช่องให้ผู้ที่ก่อการร้าย ผู้ที่มาแทรกซึมเข้ามาได้ เราก็ทำผิดต่อบ้านเมือง ถ้าเราสร้างรั้วขึ้นมาได้ด้วยการพัฒนาทั้งคนทั้งวัตถุให้ดีให้มีความสุขให้มีความพอใจ เราไม่มีวันที่จะเสียชาติ เสียบ้านเมือง ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญยิ่งกว่าการพัฒนาชนบทเป็นงานที่สำคัญ เป็นงานที่ยาก เป็นงานที่จะต้องทำให้ได้ด้วยความสามารถ ด้วยความเฉลียวฉลาด คือทั้งเฉลียวทั้งฉลาด ต้องทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ มิใช่มุ่งที่จะหากินใดๆ ใครอยากหากิน ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง ไปทำการค้าดีกว่า แม้แต่ลาออกไปจะให้รางวัลยังดีกว่า เพราะว่าถ้าทำผิดพลาดไปแล้วบ้านเมืองเราล่มจม และเมื่อบ้านเมืองของเราล่มจมแล้วเราอยู่ไม่ได้ ก็เท่ากับเสียหมดทุกอย่าง ขอพูดอย่างนี้แล้วก็ให้ไปพิจารณาดู พยายามที่จะให้การสัมมนาที่ทำมาได้ประโยชน์ เพราะว่าเรื่องที่สัมมนาเป็นหลักวิชาที่จะต้องปฏิบัติแล้วก็ขอให้นำวิชาต่างๆ นี้ไปแจกจ่ายผู้ใต้บังคับบัญชา ไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ดีที่สุด ไม่ใช่เพื่อประจบผู้ใหญ่ แต่ว่าสำหรับประจบตัวเอง สำหรับสร้างที่ให้ตัวเองอยู่ได้เพราะว่าเป็นงานของตัวเองทั้งนั้น ขอให้ทุกคนมีกำลังใจกำลังกายที่จะปฏิบัติงาน ใจแข็งพอที่จะเสียสละ ใจแข็งพอที่จะต่อสู้กับการแทรกซึมซึ่งมาในทุกวิถีทาง ไม่ใช่แทรกซึมด้วยปืน ไม่ใช่แทรกซึมด้วยการจัดค่ายมรณะ แต่แทรกซึมในสมองของแต่ละท่าน เข้ามาบอกว่าทำไมทำงานเกือบจะตายแล้วไม่ได้อะไร ได้ซิ ได้ความมั่นคงของบ้านเมือง สิ่งเหล่านี้ก็ขอให้ไปพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วให้นำไปฝากไปให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั่วทุกแห่งทุกจังหวัด เพื่อที่จะให้งานเร่งรัดพัฒนาเป็นส่วนรวมได้ก้าวหน้าจริงๆ และมั่นคงจริงๆ เพื่อให้บ้านเมืองของเราอยู่ได้ ขอให้มีกำลังกายกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่นี้สำคัญด้วยความสามัคคีด้วยความเฉลียวฉลาด ด้วยความตั้งใจบริสุทธิ์ ”อ่านต่อ
Identifier (URI) |
https://lib.su.ac.th/royal-voices/resource/27fccfd5-c409-4503-b504-5b967939ddad |
Title |
พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะผู้บริหารงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พุทธศักราช 2512 |
Subject |
|
Description |
|
Contributor |
หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์, ชุดหนังสือประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2493 - 2548 |
Publisher |
|
Creator |
|
Date |
1969-06-13 |
Source |
|
Language |
th-TH |
Coverage |
|
Rights |
|
Relation |
|
Type |
Sound |
Format |
audio/mpeg |
Export |