"ดีใจมากที่ครั้งนี้จัดได้ย่นย่อหน่อย ไม่ทำให้ทุกคนที่หวังดีมาอวยพรต้องคอยจนแทบจะเป็นลมเหมือนปีก่อน ปีก่อนรู้สึกว่าล่าช้ามากปีนี้ก็พยายามย่นย่อและแก้ปัญหาด้วยว่ามาขอบใจมาแสดงความรู้สึกปลาบปลื้มบนเวทีนี่ แล้วก็จะได้พูดได้ทั่วถึงกัน รู้สึกยินดีเหลือเกิน ปลาบปลื้มที่ทุกคนมาชุมนุมกันมากมายในวันนี้ ขอขอบใจทุก ๆ คนที่มีไมตรีจิตมาอวยพรในวันเกิดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือความพร้อมเพรียงวันนี้ว่าเป็นนิมิตอันดีอย่างยิ่ง จึงขออยากจะถือโอกาสชักชวนทุก ๆ คนให้ตั้งจิตในใจ ร่วมกันปฏิญาณรวมทั้งข้าพเจ้าด้วยว่าต่อไปนี้เราทั้งหลายจะขอมีความรับผิดชอบในสวัสดิภาพของบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องน้อยเรื่องใหญ่อย่างไร ถ้าแม้เราอยู่ในฐานะที่จะรับผิดชอบได้ใน...เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็จะไม่เพียงแต่ยักไหล่แล้วบอกว่าเรื่องนี้เรื่องเล็กไม่คุ้มค่า ไม่สมเกียรติกับเรา เราจะไม่นึกอย่างนั้น เราจะนึกว่าใครมีโอกาสอย่างไรที่จะส่งเสริมช่วยเหลือเพื่อให้กิจการของบ้านเมืองทุก ๆ ด้านเจริญไปได้ เราก็จะกระทำกัน ระยะปัจจุบันนี้มักจะได้ยินหนาหูถึงการบ่นว่าครหาติเตียนต่อภาวะต่าง ๆ ในบ้านเมืองของเรา อย่างมากมาย ซึ่งการบ่นว่าครหาติเตียนนี่ก็ดีเหมือนกัน เป็นการช่วยให้คนอื่น ๆ ได้เห็นว่าอะไรที่ขาดตกบกพร่อง แต่ว่าถ้าเผื่อสักแต่ครหาบ่นว่าติเตียนเฉย ๆ ไม่มีการคิดที่จะเสริมสร้างหรือช่วยแก้ไขปัญหา การบ่นว่าครหานั้นก็ไม่ไม่เป็นประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย ปัจจุบันนี้ก็ได้ยินบ่อยเหมือนกันที่พูดกันว่าอย่าไปยุ่งบ้านเมืองนี่ไม่ใช่ของเราคนเดียว อันนั้นก็ไม่ถูกเพราะฉะนั้นในวันนี้ที่ถือว่าเป็นนิมิตดี ที่ท่านทั้งหลายมาพร้อมเพรียงอวยพรให้แก่ข้าพเจ้า ถือว่าขอให้ยุคการบ่นว่าครหาติดเตียนแล้วก็บ่นต่าง ๆ นานา ให้ผ่านพ้นไปให้เปลี่ยนเป็นความคิดที่ว่าช่วยกันได้ อะไรได้ก็ตามคนละไม้คนละมือ เป็นเรื่องเล็กน้อยต่าง ๆ เช่น เราจะไม่ทิ้งของนี่หมายถึงเรื่องเล็กน้อย จะไม่ทิ้งของสกปรกลงไปในท้องถนน แล้วจะคอยตักเตือนผู้ที่อยู่ใกล้ชิดผู้ใต้บังคับบัญชาให้นึกถึงสิ่งเล็กน้อยที่จะเป็นผลสร้างเสริมบ้านเมืองของเราให้ยิ่งดีขึ้น เราจะเริ่มต้นด้วยของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน เวลานี้ทุกคนก็รู้แล้วว่าบ้านเมืองของเราเนี่ยอยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะบ้านเมืองของเราเท่านั้นหรอกทั่วโลก เพราะฉะนั้นประเทศเราที่เป็นประเทศเล็กแล้วก็ เรียกว่ายังยากจนอยู่ จึงต้องการกำลังใจและกำลังสมอง ความมุ่งมั่นของคนที่จะช่วยผลักดันเสริมสร้างให้บ้านเมืองของเรารอดพ้นอยู่ได้ คงความเป็นไทยอยู่ได้ในบ้านเมืองนี้ ข้าพเจ้าเองได้ยินได้พบปะพูดคุยกับพวกที่มาจากต่างประเทศหลายแห่ง ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ซึ่งเขามาพบก็เห็นว่าเมืองไทยเนี่ยเป็นเมืองที่เรียกว่าไม่ถึงเรียกว่าสวรรค์ แต่เป็นเมืองที่ให้ความร่มเย็นให้ความสุขได้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เช่นข้าวของก็ถูกกว่าที่อื่นเป็นอันมาก บางประเทศเพื่อนบ้านได้ข่าวว่าแค่อาหารพื้น ๆ เช่นปลาช่อนหรืออะไรอย่างนี้ก็ยังตัวเราตั้ง 60 บาทเมืองไทยของเราก็ดีกว่ามาก แต่ถ้าแม้ว่าทุก ๆ คนทุกท่านที่มาเนี่ยจะช่วยกันใครทำอะไรได้ไปปรับปรุงคนที่อยู่ใกล้เคียงลูกหลานเด็ก ๆ ให้คิดตรงทำตรงตั้งแต่เด็ก และให้คิดว่าผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสิ่งสำคัญของประเทศชาติ ของคน และก็รู้สึกจะเป็นการช่วยมากทีเดียว อย่างลูกสาวของข้าพเจ้าเองก็เล่าให้ฟังว่าค่าครองชีพที่อเมริกาแพงกว่าที่เมืองไทยมาก จะพิสูจน์ได้ว่าเขาไปเมืองนอกแล้ว แต่ต้องกลับมาทำฟันมาถอนฟันอะไรที่เมืองไทย ก็บอกว่าที่เมืองนอกไม่ไหวแพงเหลือเกินถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเมืองสวรรค์มีอะไรพรั่งพร้อมก็ตามแต่ก็ต้องกลับมาทำฟันในที่เมืองไทยอยู่นี่ผลปรากฏว่าไม่ได้มาช่วยแม่ในวันนี้ ในที่สุดนี้ข้าพเจ้าก็ขอขอบใจท่านทั้งหลายอีกครั้งหนึ่งในไมตรีจิตที่มีต่อข้าพเจ้า แล้วขอให้ทุกคนประสบความสุข ความเจริญ และความสมหวังในหน้าที่ทุกประการ"อ่านต่อ
Identifier (URI) |
https://lib.su.ac.th/royal-voices/resource/a968ae63-3724-4dd6-a088-4e7f90ea164b |
Title |
พระราชดำรัส ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2514 |
Subject |
|
Description |
|
Contributor |
หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ |
Publisher |
|
Creator |
|
Date |
1971-08-12 |
Source |
|
Language |
th-TH |
Coverage |
|
Rights |
|
Relation |
|
Type |
Sound |
Format |
audio/mpeg |
Export |