ราชกิจจานุเบกษา 12 มิถุนายน 2513


ประกาศ ณ วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๓ เป็นปีที่ ๒๕ ในรัชกาลปัจจุบันผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี



“ประกาศเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระบรมราชชนก และ สมเด็จพระบรมราชชนนี ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริด้วยพระราชหฤทัยประกอบ ด้วยพระกตัญญูกตเวทิตา ระลึกถึงพระเดชพระคุณสมเด็จ พระราชบิดา และสมเด็จพระราชชนนี อันได้มีมาเป็นล้นพ้น ทรงมีพระเดชพระคุณยิ่งกว่าผู้อื่น สมควรจะเฉลิมพระเกียรติยศ สมองพระคุณตามโบราณขัตติยราชประเพณี ประกอบกับได้ทรงสดับคำกราบบังคมทูลของรัฐบาล ที่ขอให้ทรง สถาปนาพระอิสริยยศและเฉลิมพระนามสมเด็จพระบรมราช บูรพการี เพื่อจักได้เป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ประเทศชาติ และเป็นที่...ชื่นชมยินดีแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวงจึงทรงพระราชดำริว่า สมเด็จพระราชบิดา เมื่อครั้งทรง ดำรงพระชนมชีพอยู่นั้น ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจเป็น นิตานุทิตประโยชน์แก่ประเทศชาติประชาชนอย่างไพศาล โดย เฉพาะในด้านการแพทย์ และการสาธารณสุข ทรงอทิศกำลัง พระวรกาย และพระหฤทัย ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อการแพทย์ไทยอย่างมากมายเกินที่จะกล่าวได้ ในเบื้องต้น พระองค์ได้ทรงศึกษาวิชาทหารเรือ ณ ประเทศเยอรมัน สำเร็จ การศึกษาแล้วเสด็จกลับเข้ามารับราชการในกองทัพเรือ ได้รับ พระราชทานยศเป็น เรือโท และเรือเอก ตามลำดับ ทรงรับ ราชการอยู่ได้ไม่ช้าเกิดอาการประชวรเรือรัง ไม่ทรงสามารถรับ ราชการหนักเช่นการทหารเรือได้ แต่ด้วยพระหฤทัยมั่นอยู่ใน จรรยาแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ซึ่งจำนงในกิจเกื้อกูลแก่ บ้านเมืองและประชาชนเป็นสำคัญ ประกอบกับทรงสนพระ หฤทัยในกิจการแพทย์ และทรงตั้งพระหฤทัยที่จะให้ประชาชน ชาวไทยได้รับความสุขปราศจากโรคันตราย จึงทรงพระอุตสาหะเสด็จไปศึกษาวิชาการสาธารณสุข และวิชาแพทย์ ณ สหรัฐ อเมริกา ด้วยพระปรีชาญาณหลักแหลมประกอบด้วยพระฉันทะ วิริยะอันแรงกล้าสามารถ ทรงรอบรู้สอบได้ประกาศนียบัตรการ สาธารณสุข และปริญญาแพทยศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อเสด็จกลับมาเมืองไทยแล้ว ได้ ทรงปฏิบัติงานร่วมกับกรมสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดเข้มแข็ง ทรง เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงช่วยเหลือในการขยาย กิจการของโรงพยาบาลศิริราช ประทานเงินส่วนพระองค์ จัดสร้างตึกคนไข้ และจัดหาที่พักสำหรับพยาบาลได้อยู่อาศัย ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นทุนไว้สำหรับส่งนักศึกษาแพทย์ และนักเรียนพยาบาลออกไปศึกษาวิชาต่อ ณ ต่างประเทศ ประทานเงินจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับปฏิบัติการให้แก่โรง พยาบาล ทรงเป็นผู้แทนรัฐบาลติดต่อกับมูลนิธิรอคกี้เฟลเลอร์ สาขาอาเซียบูรพา ให้ดำเนินการช่วยเหลือการแพทย์และ พยาบาลไทย โดยปรับปรุงการศึกษาวางมาตรฐานจนสามารถ รับรองกิจการแพทย์ของประเทศได้ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังได้ทรงปฏิบัติงานในโรงพยาบาล ทรงอุทิศเวลา ส่วนใหญ่ให้แก่การรักษาพยาบาลด้วยพระองค์เอง ทรงห่วงใย ในกิจการแพทย์ และทรงตั้งพระหฤทัยที่จะทรงทำงานด้านนี้ให้เจริญก้าวหน้าด้วยวิทยาการอันทันสมัยยิ่งขึ้นไป เพื่อความ รุ่งเรืองวัฒนาการของบ้านเมืองและเพื่อประโยชน์สุขของอาณา ประชาราษฎร พระกรณียกิจที่สมเด็จพระราชบิดาได้ทรงปฏิบัติ มาด้วยการบริหารงาน ปรับปรุงส่งเสริมวางมาตรฐานการศึกษา ประทานความรู้ในด้านวิชาการแพทย์อันทันสมัย ประทานทุน การศึกษา ตลอดทั้งจัดหาอาคารสถานที่ เครื่องมือเครื่องใช้ สำหรับปฏิบัติการ ดั่งได้พรรณนามานี้ เป็นผลทำให้กิจการ แพทย์และการสาธารณสุขได้เจริญเป็นปึกแผ่นมาจนถึงกาล ปัจจุบัน บรรดาผู้ที่สำนึกในพระกรุณาธิคุณ ได้พร้อมใจกันเฉลิม พระเกียรติเป็น “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้ ทรงสนับสนุนและสนพระทัยในการศึกษาและการวิจัยทางการ แพทย์” พระเกียรติคุณนี้แผ่ไพศาลปรากฏตลอดไปในนานา ประเทศ บัดนี้ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงพระเดชพระคุณสมเด็จ พระราชบิดา อันได้มีมาเป็นล้นพ้น และทรงมีพระราชประสงค์ จะอนุวัตรตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ ประกาศเฉลิมพระนามพระอัฐิ สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้า มหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร ตามที่จารึกในพระ สุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงพระราชฐานันดรศักดิ์เสมอด้วยสมเด็จ พระบวรราชเจ้า ในพระบรมราชวงศ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ขอ ให้พระเกียรติคุณวิบุลวรยศ ปรากฏอยู่ชั่วกัลปาวสานเทอญ อนึ่งทรงพระราชดำริรำลึกถึงสมเด็จพระราชชนนี ว่าทรง พระคุณอันประเสริฐ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจอันได้บังเกิด ประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชนเป็นอเนกปริยาย มีพระ หฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตากรุณาธิคุณ ทรงห่วงใยในความ เป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป ได้เสด็จออกไปสอดส่องดูแล ทุกข์สุขของราษฎรตามจังหวัดต่างๆ อยู่เป็นเนืองนิตย์ แม้ว่า จะเป็นท้องที่ห่างไกลทุรกันดารก็ทรงพระอุตสาหะเสด็จไปจน ทั่วถึง โปรดให้จัดสร้างโรงเรียนชายแดนขึ้นเป็นหลายแห่งเพื่อ ให้เยาวชนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน ทรงจัด ตั้งหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ขึ้น และโปรดให้ออกไปทำการรักษา พยาบาลประชาชนในท้องที่ต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร เมื่อใดมี ภัยพิบัติเกิดขึ้น ก็เสด็จออกไปเยี่ยมเยียนผู้ประสบเคราะห์ ประสบภัยโดยทั่วหน้า ประทานทรัพย์สินส่วนพระองค์แก่ทาง ราชการและองค์การกุศลต่างๆ ให้จัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนยารักษาโรค เพื่อนำไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อน นอกจากนี้ ยังได้เสด็จออกเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือน ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติราชการ ณ ชายแดนจนถึงฐาน ที่ปฏิบัติงาน โดยมิได้ทรงหวั่นเกรงต่อความยากลำบากและ ภยันตรายใด ๆ ด้วยทรงมุ่งหวังตั้งพระหฤทัยที่จะให้เกิด ประโยชน์สุขแก่ประชาชนส่วนรวมเป็นสำคัญ ในด้านการพระ ศาสนานั้น ก็ได้ทรงสนับสนุนการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่าง กว้างขวาง และได้ทรงบริจาควัตถุปัจจัยเกื้อกูลกิจการต่าง ๆ ในพระบวรพุทธศาสนา และในศาสนาอื่น ๆ อยู่เสมอ ในส่วน พระองค์เล่า ก็ทรงเป็นอุปการิณีมีคุณูปการยิ่งกว่าผู้ใด เบื้องต้น แต่ได้ทรงอภิบาลบำรุง และทรงอนุสาสน์สั่งสอนความดีงาม ตามขัตติยราชประเพณี ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์มา และยังมี พระหฤทัยสิเนหาห่วงใยอยู่มิได้ขาด ทั้งได้ทรงรับพระราชภาระ ปฏิบัติราชการแผ่นดิน ในคราวที่เสด็จพระราชดำเนินไปต่าง ประเทศเป็นหลายครั้ง บัดนี้ สมเด็จพระราชชนนีเสด็จเหลือ อยู่พระองค์เดียว ที่ทรงเป็นเขตอันล้ำเลิศ อันจะให้เกิด สิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแด่พระองค์ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ประกาศเฉลิมพระนาม สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ตามที่ จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจแห่งพระกตัญญู กตเวทิตาธรรม และเทพดาเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาล อภิบาลรักษาพระองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ให้ ทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาน ธนสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุลศุภผล สกลเกียรติยศ ปรากฏ มโหฬารตลอดจิรัฏฐิติกาลเทอญ ประกาศ ณ วันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2513 เป็นปีที่ 25 ในรัชกาลปัจจุบันผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี”อ่านต่อ



จำนวนการเข้าชม :  269 ครั้ง

พระสุรเสียงที่มีเนื้อหาคล้ายกัน